พาราสาวะถี

วันนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก “ทุบโต๊ะยึดอำนาจ” หลังจาก (จัดฉาก) เชิญฝ่ายขัดแย้งมาหารือแล้วตกลงกันไม่ได้ ว่ากันว่าเป็นการรัฐประหารที่เตรียมการกันอย่างแยบยล นวลเนียนเป็นที่สุด อย่าบอกว่าไม่ได้คิด มิเช่นนั้น ม็อบอีกฝั่งคงไม่แต่งชุดทหารจัดปาร์ตี้กันเอิกเกริก ทั้งๆ ที่มีประกาศห้ามแต่งกายคล้ายทหาร


พาราสาวะถี:อรชุน

 

วันนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก “ทุบโต๊ะยึดอำนาจ” หลังจาก (จัดฉาก) เชิญฝ่ายขัดแย้งมาหารือแล้วตกลงกันไม่ได้ ว่ากันว่าเป็นการรัฐประหารที่เตรียมการกันอย่างแยบยล นวลเนียนเป็นที่สุด อย่าบอกว่าไม่ได้คิด มิเช่นนั้น ม็อบอีกฝั่งคงไม่แต่งชุดทหารจัดปาร์ตี้กันเอิกเกริก ทั้งๆ ที่มีประกาศห้ามแต่งกายคล้ายทหาร

ใครเส้นใหญ่ ใครสุมหัวกับใคร คงไม่ต้องไปขุดคุ้ยหาให้เมื่อยตุ้ม มาถึงพ.ศ.นี้เด็กอมมือนั่งดูข่าวทุกวันมันยังชี้นิ้วบอกได้ว่าไผเป็นไผ ใครพวกใคร ไม่ต้องอ้างความเป็นกลางอะไรกันอีกแล้ว ถนนสายปรองดองที่ป่าวประกาศกันว่าจะทำสัญญาประชาคมกันนั้น ทุกคนทุกฝ่ายได้แต่หวังขอให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ ไม่ใช่แค่แนวทางการขายฝันหรือสุดท้ายใช้วิธีการบีบให้ร่วมมือ

ปัญหาคือ ผ่านมา 3 ปี ผลงานเป็นชิ้นเป็นอันที่สัมผัสจับต้องได้ของคสช.คืออะไร ที่เด่นชัดจนแม้แต่ประชามติร่างรัฐธรรมนูญก็ยังแสดงความคิดเห็นกันไม่ได้คือ ความมั่นคง สงบราบคาบเพราะอำนาจพิเศษและมาตรายาวิเศษ ส่วนที่เหลือจากนั้นมิติทางสังคม ความขัดแย้งแตกแยกและปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน มีเสถียรภาพทางการเมืองแล้วอยู่ดีกินดีกันหรือเปล่า

ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่หยิบยกเอามาโอ้อวดหรือแม้แต่การจัดอันดับของสถาบันทั้งหลายในต่างประเทศ ไม่อาจนำมาเป็นตัวชี้วัดได้ ปัจจัยหลักคือ คนส่วนใหญ่มีเงินจับจ่ายใช้สอยกันคล่อง เศรษฐกิจฐานรากคึกคักมั่นคงแล้วหรือไม่ ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกและอดีตเลขาธิการอังค์ถัด คนที่บิ๊กตู่ตั้งเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ชาติให้คำตอบ อธิบายภาพอย่างกระจ่างชัด

เศรษฐกิจไทยน่าเป็นห่วง รัฐบาลต้องให้ข้อมูลเศรษฐกิจที่แท้จริงกับประชาชน ความเป็นจริงคือ เอกชนไม่ลงทุน ส่วนที่ลงทุนก็เป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะรายได้ กำไรลดลง เมื่อเป็นเช่นนั้นระวังจะเกิดฟองสบู่ ในฐานะที่เคยรับภาระบริหารประเทศช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งและไปเปิดหูเปิดตากับองค์กรระดับนานาชาติมาแล้ว จึงต้องออกมาเตือนกันดังๆ

ที่ช่วยขับเน้นสะกิดเตือนรัฐบาลคสช.อีกทาง คงเป็นบรรดาโพลทั้งหลายแหล่ โหมโรงมาต่อเนื่องสำหรับสวนดุสิตโพลที่สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการทำงานของรัฐบาลและคสช. ล่าสุด เป็นคำถามเรื่อง อีก 1 ปีก่อนจะมีการเลือกตั้ง อยากให้รัฐบาลประยุทธ์ ทำอะไรบ้าง ไม่ต้องสืบเสียงส่วนใหญ่ให้เร่งพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แก้ปัญหาปากท้อง ตามมาด้วยช่วยดูแลสวัสดิการต่างๆ ทั้ง ค่ารักษาพยาบาล ช่วยเหลือคนตกงาน ว่างงาน

แม้จะเป็นแค่ผลโพล แต่คงจะเป็นภาพสะท้อนที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงอันรับรู้กันได้ว่า เศรษฐกิจมันดีจริงอย่างที่บางคนโพนทะนาหรือเปล่า ไม่เพียงแต่แค่คำถามว่าอยากฝากอะไรในอีก 1 ปีที่เหลือของรัฐบาลประยุทธ์เท่านั้น หากแต่ยังมีคำถามว่า 3 ปีที่ผ่านมา อะไรแย่ลงบ้าง ทั้งสภาพเศรษฐกิจ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและชีวิตความเป็นอยู่เรียงหน้ากันมาเป็นตับ

ไม่ต่างจากอันดับรองลงไปไม่ว่าจะเป็นปัญหาราคาและผลผลิตทางการเกษตร ที่หากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่เด็ดขาด บวกกับการตั้งทัพเจรจากันตั้งแต่หน้าบ้าน ป่านนี้ม็อบกลุ่มปัญหาความเดือดร้อนคงได้มาปักหลักค้างคืนกันหน้าทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ก็กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กันบานเบอะไปแล้ว ที่น่าสงสารคือวันนี้ชาวนาลงแรงปลูกข้าวไปแล้ว โดยยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะขายได้ราคาหรือไม่

ยังมีประเด็นยิบย่อยที่หากวิเคราะห์ลงไปก็เปรียบเสมือนการส่งสัญญาณจากประชาชนมากลายๆ เหมือนกันว่า รู้สึกอย่างไรต่อการบริหารงานของรัฐบาลของคสช. เช่น การใช้งบประมาณ ตรงนี้หากจะโฟกัสให้ตรงจุดก็คือ คนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยแต่พูดไม่ได้คงอยากจะบอกว่า การซื้อเรือดำน้ำในภาวะบ้านเมืองเป็นเช่นนี้เป็นการใช้งบประมาณที่เหมาะสมหรือไม่นั่นเอง

ขณะที่การก่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นว่า 3 ปีภายใต้รัฐบาลคสช.ทำงานแล้วแย่ลง คงไม่ต้องอธิบายว่าเพราะเหตุใด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผลกระทบที่ตามมา เมื่อพิจารณาจากศักยภาพภายใต้กฎหมายที่เด็ดขาดและงบประมาณที่ทุ่มลงไปแล้ว ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนจะอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า มีปัญญาทำได้ไม่ต่างจากรัฐบาลเลือกตั้งเลยหรือ

ไม่รู้ว่าด้วยเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนาหูนี่เองหรือเปล่า จึงเป็นเหตุให้บิ๊กตู่ต้องออกมาประกาศด้วยตัวเอง จะเลื่อนแถลงผลงานทั้งรัฐบาลและคสช.ไปเป็นเดือนกันยายน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่กี่วันโฆษกรัฐบาลเพิ่งตั้งโต๊ะแถลงข่าวปาวๆ คสช.จะแถลงผลงานปลายเดือนนี้หรือไม่ก็ต้นเดือนมิถุนายน ตามมาด้วยรัฐบาลในช่วงปลายเดือนมิถุนายนหรือต้นเดือนกรกฎาคม

ก่อนหน้านั้นก็มีการสั่งการและเห็นเตรียมตัวกันดิบดี สุดท้ายก็เจอโรคเลื่อน คงคาดเดากันได้ไม่ยากว่ามาจากเหตุผลใด อย่างไรก็ตาม ล่าสุดระบุมาจากโฆษกรัฐบาล คสช.เตรียมวิดีทัศน์สรุปผลการทำงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานำเสนอแก่สื่อมวลชนเป็นการเบื้องต้นไปก่อน ส่วนการแถลงผลงานจะนำไปรวมกับการแถลงผลงานรัฐบาลตามที่ท่านผู้นำได้ลั่นวาจาไว้ ดูและฟังกันเป็นน้ำจิ้มไปก่อนแล้วกัน

แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น “จ่านิว” สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมเพื่อสังคม ก็ได้ฟันธงไว้ล่วงหน้าว่า ในการแถลงผลงาน 3 ปีของรัฐบาลคสช.  จะบอกว่าสถานการณ์บ้านเมืองสงบ ร่มเย็น ปลอดภัย มีการจัดการปัญหาความขัดแย้งได้อย่างลงตัว จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกต หากเป็นเช่นนั้นแล้วคสช.ก็ควรลงจากอำนาจ  จะอ้างว่าสถานการณ์ประเทศยังไม่สงบไปทำไป ซึ่งย้อนแย้งกัน

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการ หนีไม่พ้นเรื่องการเพิกเฉยต่อกระบวนการปฏิบัติงานของคสช. เพราะหากยังอยู่เฉยเช่นนี้เชื่อว่าคสช. จะประวิงเวลาและหาข้ออ้างอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดจะแฝงค่านิยมว่า ภายใต้ระบบเผด็จการทหารเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศสงบ หากมีคนเชื่อบวกกับความขัดแย้งของบ้านเมืองที่ผ่านมาจะเป็นแรงเสริมให้คนกลุ่มนี้สืบทอดอำนาจเผด็จการต่อไป หลายๆ เรื่องบรรดาองคพยพแม่น้ำ 5 สายกำลังทำอยู่ก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย

Back to top button