AMATA ตัวท็อป! รับอานิสงส์ EEC หนุนธุรกิจโตแกร่ง

โบรกฯ ประสานเสียง ชู AMATA ตัวท็อป! รับอานิสงส์จากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC สูงสุด ด้าน ผู้บริหารมั่นใจโครงการดังกล่าวช่วยหนุนธุรกิจโตกระฉูด คาด Q2/60 ยอดขายเพิ่ม-รายได้ทั้งปีสูงกว่าปีก่อน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA หลังสังเกตเห็นว่าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) โดยราคาปิดตลาดอยู่ที่ 16.80 บาท ปรับตัวขึ้น 1.30 บาท หรือ 8.39% ด้านมูลค่าซื้อขาย 160.71 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 23 บาท อยู่ 36.90%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นนั้น คาดว่ายอดขายไตรมาส 2/60 มีแนวโน้มสดใส โดยบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินจำนวนหลายร้อยไร่ให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งคาดว่าโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะส่งผลดีต่อธุรกิจในอนาคต ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า AMATA จะได้รับประโยชน์จากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกมากที่สุดในกลุ่ม

 

โดย นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด AMATA เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีก่อน จากปีก่อนทำได้  5.06 พันล้านบาท โดยคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 1,000 ไร่ แม้ในไตรมาส 1/60 จะสามารถขายที่ดินได้เพียง 63 ไร่ ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาส 2/60 ยอดขายจะเติบโต เนื่องจากปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายที่ดินจำนวนหลายร้อยไร่ให้แก่ลูกค้าหลายรายทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ,จีน,ยุโรป,เกาหลี เป็นต้น โดยปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอนอยู่ราว 1.16 พันล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้บางส่วน

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าหากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เกิดขึ้นจริงก็น่าจะส่งผลดีทำให้เกิดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็น่าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย โดยขั้นตอนของกฎหมายที่จะออกมารองรับโครงการดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของสำนักงานคณะกรรมการกฤษีกา จากนั้นจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาและนำเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อประกาศใช้ต่อไป

“เรามอง EEC จะเป็นตัวเข้ามาขับเคลื่อน และดึงดูดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อนิคมอุตสาหกรรมของเรา ที่จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงการฯ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีที่ดินในมือทั้งหมด 14,137 ไร่ แบ่งเป็น อมตะนคร 9,540 ไร่ และอมตะซิตี้ 4,597 ไร่”นายวิบูลย์ กล่าว

สำหรับการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในต่างประเทศที่นอกเหนือจากประเทศเวียดนามแล้ว ปัจจุบันบริษัทก็อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนเพื่อจะเข้าไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศเมียนมา ,กัมพูชา และลาว ด้วย

คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่

 

โดยนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ AMATA ให้ราคาเป้าหมายที่ 23 บาท/หุ้น และเลือกเป็น Top Pick ในกลุ่ม เนื่องจากได้ประโยชน์จาก EEC และนิคมในเวียดนาม ผ่านการถือหุ้นใน AMATAV (ถือหุ้น 73%) ด้วยได้ประโยชน์จาก EEC มากที่สุดในกลุ่ม จึงมองว่า AMATA มีมูลค่าที่ถูก โดยในแง่ของ P/BV บริษัทซื้อขายที่ 1.3 เท่า ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ย 19 ปีที่ 1.9 เท่าราว 32% โดยหากสมมติที่ P/BV ที่ 1.9 เท่า AMATA จะมีมูลค่าที่ 22 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ AMATA ได้ผลดีจากการที่รัฐบาลผลักดันการลงทุนใหม่ของประเทศภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corrider ณ EEC) ผ่านยอดขายที่ดินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า และราคาที่ดินในพื้นที่ EEC ปรับสูงขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อมูลค่าที่ดินของ AMATA ที่มีอยู่ในมือประมาณ 10,000 ไร่ โดยล่าสุดราคาที่ดินที่ Amata Nak ชลบุรี ปรับสูงขึ้นแล้ว 13% ในปีก่อน และ Amata City ปรับราคาที่ดินสูงขึ้น 19% ในปีก่อน

ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น AMATA ต่ำกว่า conservative NAV ที่ใช้มูลค่าที่ดิน discount จากราคาตลาดสูงถึง 60% ที่ 23 บาท/หุ้น (รวมมูลค่า AMATAV และธุรกิจไฟฟ้า-น้ำ แล้ว) รวมทั้งสัญญาณเทคนิคมีจังหวะ beark out เส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือน เป้าหมายระยะสั้นที่ 16.8 บาท

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองนิคมอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่ในภาคตะวันออกจะได้ประโยชน์จากยอดขายที่ดินและการลงทุนที่จะเกิดขึ้น โดยหุ้นเด่นที่เลือกเป็นหุ้น top pick คือ AMATA ให้ราคาเป้าหมายที่ 21 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้โครงการ EEC มีโอกาสทำให้ AMATA ปรับเป้าการขายที่ดินขึ้น ขณะที่มี backlog รายได้ราว 1.16 พันล้านบาท

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ AMATA ให้ราคาเป้าหมายที่ 18.9 บาทต่อหุ้น คาดกำไรจะกลับสู่รอบการเติบโตโดดเด่นอีกครั้งช่วง 2 ปีนี้ จากทั้งรายได้โรงไฟฟ้าและยอดขายที่ดิน โดยระยะสั้นโมเดเมนตัมกำไรเป็นจังหวะที่ดิน คาดกำไรไตรมาส 2/60 เพิ่มทั้งจากไตรมาสก่อนและปีก่อนตามการโอนที่ดินมากขึ้น และกำไรครึ่งปีหลังปี 60 คาดยังเพิ่มสูงขึ้นจากครึ่งปีแรกปี 60 โดยปัจจุบันมี Backlog การขายที่ดิน คิดเป็นแล้ว 74% ของประมาณการทั้งปี ทั้งนี้ นโยบาย EEC ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ต่อพื้นฐานบริษัท

Back to top button