CHO จ่อเซ็น 3 งานใหญ่ มูลค่า 2 พันลบ. มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร
CHO จ่อเซ็น 3 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 2 พันลบ. พร้อมตุน Backlog 700 ลบ. มั่นใจปีนี้พลิกมีกำไร
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 91.29 ล้านบาท หลังจากบริษัทเดินหน้าลดต้นทุนต่อเนื่อง ขณะที่คงเป้ารายได้ปีนี้เติบโตราว 5-10% จาก 1,079 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากมีงานในมือ (Backlog) 697 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้
อีกทั้งยังรอเซ็นสัญญาอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,955 ล้านบาท และเจรจาขายที่ดิน 32 ไร่ซึ่งหากสำเร็จก็จะทำให้มีกำไรพิเศษเข้ามาภายในปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นก็จะช่วยให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ราว 86 ล้านบาทได้เกือบหมดในปีนี้ เพื่อเตรียมกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ตามเดิม หลังจากหยุดจ่ายไปเมื่องวดบัญชีปี 59 โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
“เราทำแผนลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งเราและบริษัทลูก ซึ่งคาดว่าปีนี้น่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ และน่าจะ cover ขาดทุนสะสมได้ส่วนหนึ่ง โดยเราอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,955 ล้านบาท ซึ่งงานใหม่ถือว่ามีมาร์จิ้นที่ดีมาก ขณะที่ปัจจุบันก็มีงานในมือ 697 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด”นายสุรเดช กล่าว
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิ 73.28 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 9.12 ล้านบาท
นายสุรเดช กล่าวว่า รายได้ที่เติบโตในปีนี้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็น ธุรกิจผลิตภัณฑ์มาตรฐาน เช่น รถบรรทุก,รถพ่วง กึ่งพ่วง ,ธุรกิจผลิตภัณฑ์ออกแบบพิเศษ เช่น รถลำเลียงอาหาร,รถบันไดเครื่องบิน,บันไดกู้ภัย ,รถติดตั้งอุปกรณ์ภาคพื้นดิน และธุรกิจบริหารโครงการและงานบริการ เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงรถ โดยปัจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่ 52% ,38% และ 10% ตามลำดับ
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอีก 3 โครงการ แบ่งเป็น งานโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (e-Ticket) มูลค่าโครงการประมาณ 1,665 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างอัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญา และจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติเห็นชอบโครงการดังกล่าว หากคณะกรรมการขสมก.อนุมัติ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ทันที และจะรับรู้รายได้ในปี 61 งานดังกล่าวเป็นการติดตั้งระบบ e-Ticket บนรถเมล์ไม่ต่ำกว่า 100 คัน ภายในระยะเวลา 120 วันนับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญา
นอกจากนั้น ยังมีงานรถลำเลียงอาหารของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI มูลค่า 170 ล้านบาท และอีก 1 โครงการที่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ มีมูลค่า 120 ล้านบาท ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้คาดจะเซ็นสัญญาได้ภายในไตรมาส 3/60
สำหรับการยื่นประมูลงานรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ของขสมก. จำนวน 489 คัน ที่วันนี้ทางขสมก.ก็ได้เปิดให้มีการยื่นซองวันแรก และมีแผนจะจัดการประมูลให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.หรือต้นเดือน ก.ค.นี้ และกำหนดรับมอบรถเมล์ NGV ภายในวันที่ 31 ต.ค.60 ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะชนะประมูลดังกล่าว
ส่วนงานในต่างประเทศ บริษัทเตรียมเข้าไปรับงานรถลำเลียงอาหารในสนามบินต่างประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ,สิงคโปร์ และเวียดนาม คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ โดยคาดหวังสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศน่าจะขยับตัวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ราว 28-29% และในประเทศ 71%
นายสุรเดช กล่าวว่า บริษัทได้เปิดให้บริการศูนย์บริการซ่อมรถบรรทุก “สิบล้อ 24 ชั่วโมง” แล้วจำนวน 1 แห่ง ที่จ.ชลบุรี จากเป้าหมาย 3 แห่งภายในปีนี้ โดยอีก 2 แห่งที่เหลือ อาจจะเลื่อนเปิดดำเนินการไปเป็นปีหน้าแทน เนื่องด้วยเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี จึงขอดูภาวะเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่งก่อน
พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนขายที่ดิน จำนวน 32 ไร่ ราคาไร่ละ 2.4-2.5 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้เจรจากับลูกค้าบ้างแล้ว คาดว่าจะสามารถบันทึกเป็นกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ามาในปีนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานพลิกกลับมาเป็นบวกได้