TRC สิ้นสุดการรอคอย?
แฉทุกวันทันเกมหุ้น อนาคตของราคาหุ้นของ บริษัท ที …
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
อนาคตของราคาหุ้นของ บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ผูกไว้กับการประชุมเพื่อชี้ขาดอนาคตของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT ในวันนี้เป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่มีข่าวว่าสัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติให้ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เข้าร่วมถือหุ้น APOT พร้อมใส่เงินเพิ่มทุนอีกกว่าพันล้านบาท ใช้ราคาบุ๊ค 68 บาทต่อหุ้น ขณะที่ในวันเดียวกันคือ วันที่ 30 พฤษภาคม (คือวันนี้) คณะกรรมการของ APOT ก็จะนัดประชุมเพื่ออนุมัติในทำนองเดียวกัน
ราคาหุ้นของ TRC ที่ร่อแร่นานนับเดือน หลังจากที่การประชุมคณะกรรมการของ APOT เมื่อเดือนก่อน เกิดอาการ “ล่มปากอ่าว” กะทันหัน เพราะกระทรวงการคลังส่งใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีอำนาจไปร่วมประชุม ทำให้แผนเพิ่มทุน “ติดบ่วงกรรม” ต่อมาถึงวานนี้ …ก็แข็งปึ๋งปั๋งรับข่าวทันที
แถมไม่ได้มาเดี่ยวๆ เพราะพ่วงเอาบริษัทรับเหมาทำเหมืองครบวงจรอย่าง สหกลอิควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ติดสอยมาด้วย จากการได้โอกาสเข้าร่วมประมูลงานขุดเหมือง
การประชุมครม. และ APOT สัปดาห์นี้ ส่งผลสะเทือนในทางบวกต่อ TRC โดยตรง เพราะ TRC ได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของ APOT มา 2 ปีแล้ว โดยถือหุ้นลงทุนในสัดส่วน 25%…เพื่อแปลงกายจาก “ผู้รับเหมาก่อสร้าง” เป็น “ผู้ถือหุ้นส่วนร่วมลงทุน” แบบถือหมวก 2 ใบพร้อมกัน
หลายปีมานี้ TRC ที่เดิมรับเหมาก่อสร้างเป็นหลัก ถูกท้าทายจากคู่แข่งงานก่อสร้างวางระบบท่อหลากสัญชาติ ที่ต้องเผชิญหน้ากับ ‘ความเสี่ยงสูง’ และ ‘ผลตอบแทนต่ำ’ พยายามปรับยุทธศาสตร์ หันไปเพิ่มน้ำหนักใน ‘ธุรกิจพัฒนาโครงการและการลงทุน’ มากขึ้น ตั้งแต่ปี 2550 เพื่อพัฒนาและร่วมลงทุนในระยะยาว สำหรับงานประเภทพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ โรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี
บทบาทของผู้ร่วมลงทุน/ผู้รับเหมา ที่เดินควบคู่ไปนี้ หากบรรลุได้ก็ถือเป็นยุทธศาสตร์ธุรกิจที่โดดเด่นของ TRC ทำนองเดียวกันกับค่าย CK ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว…เพียงแต่ทุกคนย่อมมีเส้นทางของตนเอง
2 ปีที่ผ่านมา โครงการลงทุนร่วมใน APOT มีส่วนสร้างสตอรี่ ดันราคาหุ้นของ TRC ต้นปี 2559 พุ่งกระฉูด แต่แล้วก็กลายเป็นฝันค้าง เพราะรอแล้วรออีก…เดินหน้าต่อไม่ได้ เนื่องจาก กระทรวงการคลังไทยในฐานะผู้ถือครองหุ้นระดับสัดส่วน 20% ไม่ยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่คั่งค้างเข้ามาตามสิทธิ์ นอกจากทำให้โครงการล่าช้าแล้ว ยังทำให้นักไล่ล่าราคาหุ้น TRC กลายเป็น “ชาวดอย” ตามๆ กัน
เหตุผลเพราะทำให้ TRC ไม่สามารถเซ็นสัญญาก่อสร้างเหมืองโปแตช 3.1 หมื่นล้านบาท กับ APOT ได้ด้วยกำลังการผลิต 1.235 ล้านตันต่อปี และน่าจะขายได้ราคาที่กำไรสูงกว่าตลาดโลก เนื่องจากได้เปรียบในเรื่องการขนส่ง…เกิดอาการ ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก
การปลดล็อกเพิ่มทุน APOT มีความหมาย เพราะเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการลงทุนอื่นๆ (ที่คาดว่าจะดำเนินการผลิตได้ในปี 2563) เดินหน้าต่อได้
ขั้นตอนที่กำหนดเอาไว้ประกอบด้วย 1) การใส่เงินเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นแต่ละรายตามสัดส่วนเพิ่มทุนของ APOT ที่ค้างคามานานกว่า 2 ปี 2) การอนุมัติขอกู้เงิน 3.5 หมื่นล้านบาท จากสถาบันการเงิน 3 ราย ที่สนับสนุนสินเชื่อ คือ ธนาคารไอซีบีซี จากจีน ธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) 3) การเซ็นสัญญากับ TRC เพื่อก่อสร้างโครงการ
หมูจะหามอยู่นานแล้ว แต่กระทรวงการคลังของไทยอ้างเหตุโน่นเหตุนี่มาเพื่อ…เอาไม้คานเข้ามาสอด เพราะเงินเพิ่มทุนเก่าที่มีแค่ 80 ล้านบาท ยังไม่เคยจ่ายหรือชำระเลย…ไม่มีคำอธิบายเสียด้วยว่าทำไมไม่ยอมชำระ
ล่าสุดได้ข้อสรุปแน่นอนแล้ว่า การใส่เงินเพิ่มทุนรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้น กระทรวงการคลังไทยจะไม่ใส่เงินเข้ามาเพิ่มอีก แต่จะใช้มติ ครม. “หักคอห่าน”….ผ่องถ่ายเอาเงินของ PTTGC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ปตท. เข้ามาถือหุ้นร่วมแทนกระทรวงการคลัง
หากขั้นตอนนี้ผ่าน ในส่วนของ TRC ก็ต้องใส่เงินเพิ่มทุน APOT ด้วย ในวงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ซึ่งเตรียมเอาไว้แล้ว
งานนี้ ผู้บริหารของ TRC ก็ตีปี๊บล่วงหน้ารอเอาไว้แล้วว่า หากสามารถลงนามในสัญญาก่อสร้างเหมืองแร่โพแทช มูลค่างานประมาณ 34,089 ล้านบาท (โรงงานผลิตแร่โปแตช อาคารสำนักงาน และสถานีจ่ายไฟฟ้า รวมถึงงานระบบสาธารณูปโภค) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ได้ ก็เดินหน้าต่อไป แม้ว่างานเริ่มแรกของโครงการนี้ จะเป็นไปอย่างที่นักวิเคราะห์ระบุว่า เป็นงานประเภท Early Works ที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่าปกติ แต่ก็จะดันรายได้ก้าวกระโดดตั้งแต่ปีนี้ทันที
อย่างน้อยงานของ APOT ก็น่าจะช่วยเสริมรายได้และกำไรจากงานเดิม เช่น รับเหมางานท่อก๊าซ และงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยให้รายได้ปี 2560 แตะระดับ 8,000 ล้านบาท…ได้ไม่ยาก
ราคาหุ้น TRC ที่วิ่งฉลุยวานนี้ รับข่าวดี จึงแค่จุดเริ่มต้น…ยังต้องการคำยืนยันเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้เสียก่อนว่าอนาคตจะสดใส…หรือจอดพับฐานกับความหวังลมๆ แล้งๆ
งานนี้ ไม่ใช่แค่วัดอนาคตของสองพ่อลูก นายสมัย ลี้สกุล ประธานกรรมการ และ นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ TRC เท่านั้น แต่ยังหมายถึง “ชาวดอย” ที่ติดหุ้นของ TRC ด้วย
“อิ อิ อิ”