เคาะ 18 หุ้นเด็ด SET ไซด์เวย์ จับตากลุ่มเข้า MSCI รอบใหม่
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่กระตุ้นตลาด การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นกลุ่มที่มีโอกาสเข้าคำนวนดัชนี MSCI รอบใหม่ และกลุ่มที่ราคายัง Laggard
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.20 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 34.11 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียค่อนข้างซบเซา เนื่องจากตลาดหลายแห่งปิดทำการ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนตัวลงจากปัจจัยสกุลเงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่กระตุ้นตลาด การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นกลุ่มที่มีโอกาสเข้าคำนวนดัชนี MSCI รอบใหม่ และกลุ่มที่ราคายัง Laggard หุ้นเด่นเลือก SCB-PTT-BCPG-THANI-PTL-FSMART-BDMS-BCH-EA-BPP-MTLS-TISCO-WORK-GFPT-HANA-SAMART-SAMTEL และ BIG
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (30 พ.ค.) คาดว่าจะเงียบๆ เนื่องจากไม่มีทั้งสัญญาณดีและไม่ดี แต่ตลาดช่วงนี้จะพูดกันเรื่องเงินบาทแข็งค่า ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าไป 1.8% แล้ว ดังนั้นจึงมองว่ามีโอกาสที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงได้แล้ว เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทที่ผ่านมาถือว่านักลงทุนสามารถทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้มากแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะ take profit จึงมีสูงมาก ซึ่งการแข็งค่าเงินของเงินบาที่ผ่านมานั้นเป็นไปตามกฎอัตราแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม แม้เงินบาทแข็งค่าจะทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามา แต่ส่วนใหญ่เข้ามาในตลาดตราสารหนี้ ไม่ได้เข้าตลาดหุ้นเลย ทำให้สภาพตลาดจึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้ามา ดังนั้นในทางกลยุทธ์จึงแนะนำเล่นหุ้นบิ๊กแคปที่ Valuation ไม่แพง อย่างหุ้น SCB, PTT เป็นต้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบเล็กน้อย พร้อมให้ติดตามปัจจัยนอกประเทศในตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ ซึ่งไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ เนื่องจากตอนนี้ทุกคนต่างรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในช่วงกลางมิ.ย.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,561 – 1,570 จุด
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (30 พ.ค.) ว่า มีมุมมองเป็นกลางถึงลบ กังวลภาครัฐออกมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทอาจจะกดดันดัชนีในระยะสั้น อย่างไรก็ตามคาดว่าผลกระทบจะอยู่ในกรอบจำกัด หลังจากที่ค่าเงินบาทในวันที่ผ่านมาและเช้าวันนี้เริ่มอ่อนค่า และเชื่อว่าแบงก์ชาติจะไม่ใช้มาตรการที่รุนแรงเหมือนกับช่วงปี 49 มูลค่าการซื้อขายโดยรวมจะยังเบาบาง จากตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายแห่งยังปิดทำการ อาทิ จีน ไต้หวัน และ ฮ่องกง ในภาวะที่ตลาด Sideway
กลยุทธ์การลงทุนอาจเน้นเก็งกำไรระยะสั้นหรือ ขึ้นขายลงซื้อ และเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่จะเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small Cap รอบใหม่ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ อาทิ BCPG BIG THANI PTL และ FSMART และหุ้นที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก (Laggard) อาทิ BDMS และ BCH และ หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (WORK GFPT)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : HANA (ซื้อ/เป้า 55.00 บาท) แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q17 ยังเติบโตต่อเนื่อง, BIG (ซื้อ/เป้า 6.50 บาท) เก็งกำไรก่อนเข้าคำนวนดัชนี MSCI รอบใหม่ (effective 1 มิ.ย.2017)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (30 พ.ค.) วันนี้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงปิดทำการ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายซบเซา และอยู่ระหว่างรอการประชุม ECB ในวันที่ 8 มิ.ย. และการประชุม FOMC วันที่ 14 มิ.ย. เพื่อประเมินทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับที่ 1,560 จุด ยืนได้แนวโน้มดัชนียัง Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,575 – 1,585 จุด ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร SAMART, SAMTEL (+ แนวโน้มประมูลงานภาครัฐในช่วง Q2 นี้ราว 4 – 5 พัน ลบ.)