เปิด 16 หุ้น mai โคม่ายาว! 5 เดือนรีเทิร์นทรุดเกิน 20%

เปิด 16 หุ้น mai โคม่ายาว! 5 เดือนรีเทิร์นทรุดเกิน20%นำโดย EFORL,TSF,NEWS,DCORP,CHOW,VTE,TACC,KOOL, AUCT, ABICO,FOCUS,IRCP,QTC,SEAOIL,PHOL,HOTPOT


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 5 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 พ.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนลดลงเกิน 20% เป็นหลัก โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมี 16 ตัว ด้วยกันคือ EFORL,TSF,NEWS,DCORP,CHOW,VTE,TACC,KOOL, AUCT, ABICO,FOCUS,IRCP, QTC,SEAOIL,PHOL,HOTPOT

อย่างไรก็ตามการนำเสนอหุ้นที่ปรับตัวลงแรงดังกล่าวไม่สามารถนำเสนอข้อมูลหุ้นได้ครบทุกตัว ดังนั้นครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นเพียง 5 อันดับแรกของตารางมาประกอบการลงทุนเท่านั้น

 

อันดับ 1 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 48.15% มาอยู่ที่ระดับ 0.14 บาท (31 พ.ค.60) ลบ 0.13 บาท จากระดับ 0.27 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตลอด 5 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรก่อนหน้าทยอยขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหุ้นไม่มีปัจจัยมาสนับสนุนอีกทั้งผลประกอบการไม่สดใสยิ่งทำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมาไม่หยุดช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 2 บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษา คำแนะนำ และวางแผนด้านการประชาสัมพันธ์รวมทั้งงานด้านสื่อโฆษณาทุกชนิด ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 46.15% มาอยู่ที่ระดับ 0.21 บาท (31 พ.ค.60) ลบ 0.13 บาท จากระดับ 0.27 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวลดลงตลอด 5 เดือนที่ผ่าน เนื่องจากเป็นหุ้นราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา ดังนั้นเวลาหุ้นขึ้นแรงก็ย่อมมีแรงเทขายออกมาหนักเช่นกัน อีกทั้งหุ้นรายนี้ไม่มีพื้นฐานรองรับทำให้การปรับตัวแรงทุกครั้งจะโดนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศให้เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 : Cash Balance ในช่วงที่ผ่านมา

 

อันดับ 3 บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ NEWS ธุรกิจหลักในด้านเป็นผู้ให้บริการด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและประกอบธุรกิจสื่อ ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 41.67% มาอยู่ที่ระดับ 0.07 บาท (31 พ.ค.60) ลบ 0.05 บาท จากระดับ 0.12 บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากเป็นหุ้นราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา ดังนั้นเวลาหุ้นขึ้นแรงก็ย่อมมีแรงเทขายออกมาหนักเช่นกัน เนื่องจากหุ้นรายนี้ไม่มีพื้นฐานรองรับเห็นได้จากผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

 

อันดับ 4 บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP  บริษัทรับจัดหา ผลิต และ/หรือร่วมผลิตรายการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งให้บริการจัดการพลังงาน (Energy Saving Service)

ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 37.50% มาอยู่ที่ระดับ 5.75 บาท (31 พ.ค.60) ลบ 3.45 บาท จากระดับ 9.20บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากก่อนหน้านี้หุ้นปรับตัวขึ้นแรงจากความคาดหวังเรื่องแผนงานที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความคาดหวังเรื่องผลการดำเนินงานปี 59 จะกลับมาทำกำไร

แต่พอบริษัทประกาศออกมาผลการดำเนินงานปี 59 ช่วงเดือนมีนาคมพบว่ายังไม่สดใส และแผนงานที่เคยประกาศยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 พลิกขาดทุน 17.75 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 2.08 ล้านบาท  จึงเป็นสาเหตุให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามล่าสุดบริษัทเตรียมใช้เงินไม่เกิน 74.37 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 30% ในบริษัท บลู ฟีนิกซ์ ดิจิตัล จำกัด (บลู ฟีนิกซ์) ซึ่งประกอบธุรกิจอินเตอร์เน็ต ทั้งซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ การพัฒนาระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในราวเดือนมิ.ย.60 โดยหวังว่าการลงทุนครั้งนี้จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของส่วนผู้ถือหุ้น (EIRR) ประมาณ 20%

 

อันดับ 5 บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน หรือ CHOW ผลิตและจำหน่ายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) ให้แก่โรงรีดเหล็กภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อนำไปผลิตต่อด้วยการรีดเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาว (Long Products) ได้แก่ เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กลวด เป็นต้น โดยใช้เศษเหล็ก (Scrap) เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเหล็กแท่งยาว และใช้เทคโนโลยีการหลอมเหล็กด้วยเตาหลอมเหล็กแบบเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้า (Electric Induction Furnace: EIF)

ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง 33.44% มาอยู่ที่ระดับ 4.26 บาท (31 พ.ค.60) ลบ 2.14 บาท จากระดับ 6.40 บาท (30 ธ.ค. 59) เนื่องจากช่วงต้นปีมีปัจจัยลบเรื่องเบี้ยวจ่ายตั๋วบี/อีทำให้นักลงทุนเริ่มขายหุ้น และแม้ว่าบริษัทจะออกมาปัดข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง บวกกับตัวเลขผลการดำเนินงานปี 59 ที่ออกมามีกำไร แต่ราคาหุ้นก็ไม่กระเตื่องขึ้นได้ เนื่องจากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 พลิกขาดทุน 36.74 ล้านาท จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 48.82 ล้านบาท ตรงนี้จึงน่าจะเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงในช่วงดังกล่าว

อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) รวมไม่ต่ำกว่า 100 เมกะวัตต์ (MW) จากปีก่อนที่มี 32.4 เมกะวัตต์ ขณะที่ปัจจุบันได้รับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นแล้ว มูลค่า 3-4 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ช่วยหนุนผลการดำเนินงาน นอกจากนี้คาดจะสามารถนำ บริษัทเชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ CE ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจพลังงาน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงไตรมาส 2/60 ด้วย ตรงนี้ก็น่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นฟื้นตัวได้สดใสอีกครั้ง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button