ASIAN ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 14% เน้นขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง
ASIAN ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 14% เน้นขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ยันเงินบาทแข็งค่า-ราคาวัตถุดิบสูงไม่กระทบผลประกอบการมากนัก
นายเฮ็นริคสัน แวน เวสเทิร์นดรอป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.05 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตราว 14% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9.21 พันล้านบาท โดยแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/60 จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นอาหารแช่แข็ง ธุรกิจอาหารสัตว์ มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับภาพรวมของธุรกิจของบริษัทอยู่ในฐานะผู้ประกอบการส่งออกที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศสูงถึง 70% โดยมีตลาดหลักคือ สหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป และจีน ดังนั้นผลประกอบการของบริษัทจึงไม่ได้พึ่งพิงกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศมากนัก ทำให้ผลประกอบการยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่กระทบกับบริษัทมากนัก เนื่องจากได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว อีกทั้งบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศบางส่วน จึงเป็นการบริหารความเสี่ยงแบบธรรมชาติ (Natural Hedge) อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีกว่าครึ่งปีแรกอีก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่มีเทศกาลต่างๆ ทำให้คำสั่งซื้อจะเข้ามาค่อนข้างมาก โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจาก อาหารแช่แข็ง 40% อาหารสัตว์ 25% อาหารสัตว์น้ำ 15% ปลาทูน่า 12% และส่วนที่เหลืออีก 8% มาจากธุรกิจจัดจำหน่าย
“โดยปกติแล้วผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงขาลงอยู่แล้ว แต่ปีนี้ไตรมาส 1 ขยายตัวได้ดีเกินกว่าที่คาดไว้ และในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจโดยมุ่งเน้นความสำคัญกับการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และลดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจปลาทูน่าที่ราค่าวัตถุดิบมีความผันผวน”นายเวสเทิร์นดรอป กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยอมรับว่าขณะนี้ราคาวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลาทูน่า ปลาเนื้อทราย และปลาหมึก ปรับตัวสูงขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทไม่ได้มีความกังวลมากนักเนื่องจากสามารถเจรจากับคู่ค้าได้ ทำให้บริษัทยังทำกำไรได้ค่อนข้างดี โดยบริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 12.2% ใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา