SET ผันผวนกรอบแคบ เก็งกำไร 17 หุ้นตัว TOP

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ ผันผวนในกรอบแคบเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แรงเก็งกำไรยังอยู่ในหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.96 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนจากความวิตกกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ ผันผวนในกรอบแคบเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ แรงเก็งกำไรยังอยู่ในหุ้นขนาดกลางถึงเล็ก โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก CK, STEC, UNIQ, TRC, BJC, BEAUTY, ERW, MINT, INTUCH, PT, EA, BPP, MTLS, TISCO, WORK, GFPT และ TPIPP

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มิ.ย.) ให้น้ำหนักต่อการ “เลือก” ซื้อมากกว่าคาดการณ์ทิศทางตลาด เนื่องจากคาดว่า SET จะมีแนวโน้มแกว่งตัวแคบๆ บริเวณ 1,570 +/- จุด ขณะที่ upside ของหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มธนาคาร (ดอกเบี้ยขึ้นช้า และยังแรงกดดันจาก NPL) และกลุ่มพลังงาน (ราคาน้ำมันถูกกดดันจากการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และสต็อกน้ำมันโลกสูง) ค่อนข้าง “จำกัด” ขณะที่กลุ่มหุ้นที่จะถูกเพิ่มน้ำหนัก FTSET จะมีแรงเหวี่ยงเพิ่มขึ้นปลายตลาดวันนี้

แนะนำ 1) “ซื้อ” EA  ปรับ TP เป็น 43.00 บาท a) กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มหนุนกำไรเติบโต 39-12% ปี 2017 – 18 b) ธุรกิจ Energy storage phase I ขนาด 1GWh จะเริ่ม COD สิ้นปี 2018 จะเป็นปัจจัยหนุนกำไรเติบโตในระยะยาว (ยังไม่รวม ES phase II และ c) โอกาสเพิ่มน้ำหนักใน SET50 และ FTSE SET หนุน fund flow ระยะสั้น

2) “ซื้อ” MINT (TP 45.00 บาท) การปรับปรุงโรงแรมในต่างประเทศหนุนการขึ้นราคาห้องพัก, ขณะที่โรงแรมในประเทศได้ผลบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัว 5.8% ในเดือน เม.ย. – พ.ค., การขยายสาขาธุรกิจอาหารหนุนยอดขาย +12% ปีนี้ หนุนกำไรทั้งปีขยายตัว 26% ปีนี้ (ปีก่อน -2.9%)

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มิ.ย.) คงมุมมองเป็นกลางต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ นักลงทุนจะยังหมุนกลุ่มเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กตามเดิม โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่ได้ผลบวกจากราคาน้ำมันลดลง (THAI RCL TASCO EPG) ผลประกอบการ 2Q17 จะออกมาดี (ASIAN BPP BR ORI EA MTLS) และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณใน SET50/100 รอบใหม่ซึ่งคาดว่าจะประกาศรายชื่อในสัปดาห์นี้ และ ดัชนี FTSE รอบใหม่ซึ่งจะใช้ราคาปิดในวันที่ 16 มิ.ย.และเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 19 มิ.ย.

โดยหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 (WORK GFPT) ส่วน ดัชนี FTSE Rebalance ที่น่าสนใจคือ EA, BPP, TPIPP แต่วันนี้ต้องระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มซึ่งมีปัจจัยลบหลังกรมสรรพสามิตเตรียมประกาศใช้ภาษีน้ำหวานจากเดิมจัดเก็บภาษีน้ำหวานในกลุ่มของสินค้าฟุ่มเฟือยจะเปลี่ยนเป็นการเก็บภาษีใหม่ตามปริมาณความหวาน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.ปีนี้และให้เวลาปรับตัว 2 ปี ถือเป็นปัจจัยลบกดดันกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอลล์ CBG MALEE TIPCO ICHI OISHI SAPPE

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : PT(ซื้อเก็งกำไร) คาดผลประกอบการ 2Q17 เติบโตโดดเด่น จากจำนวนสินค้าคงเหลือที่รอส่งมอบเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 513 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 เทียบกับระดับปกติที่ 250 ล้านบาทต่อไตรมาส ซึ่งคาดว่ากว่า 70% จะทยอยส่งมอบในไตรมาส 2 (กำหนดจุด Cut loss ที่ระดับ 3%)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (16 มิ.ย.) ว่า ยังวาง Filter แนวรับที่ 1,565 จุด กรณียืนได้ แนะนำเก็งกำไรตามโมเมนตัมของตลาด แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้น Domestic Play เช่น BJC, BEAUTY, ERW, MINT, INTUCH และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, UNIQ, TRC (+ งานประมูลภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง)

Back to top button