“สมคิด”ดันเมกะโปรเจ็คต์ 2.4 ล้านลบ.เริ่มต้น-เซ็นสัญญาได้ทั้งหมดปี 61

“สมคิด"ปักธงดันเมกะโปรเจ็คต์ 2.4 ล้านลบ.เริ่มต้น-เซ็นสัญญาได้ทั้งหมดปี 61 ในรัฐบาลชุดนี้


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเดินหน้าโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (เมกะโปรเจ็คต์) ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการในระยะเวลา 5-6 ปีข้างหน้า มูลค่าโครงการ 2.4 ล้านล้านบาทว่า ตั้งเป้าจะให้มีการเริ่มลงนามเซ็นสัญญาภายในปี 61 ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรถไฟ รถไฟทางคู่ รวมถึงการติดตั้งอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ

“ตั้งเป้าจะให้มีการเริ่มลงนามเซ็นสัญญาผูกพันให้แล้วเสร็จก่อนรัฐบาลจะไป ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้โครงการต่างๆ หยุดชะงัก” นายสมคิด กล่าว

สำหรับรถไฟฟ้า 3 เส้นทางต่อไป ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ, รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก และ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ,สายสีแดงอ่อน ส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และตลิ่งชัน-ศาลายา จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในปลายปีนี้

รวมถึงจะเดินหน้าในส่วนโครงการรถไฟทางคู่ใน 5 เส้นทาง มูลค่าโครงการ 8 หมื่นล้านบาท ต้องหาผู้รับเหมาให้ครบทุกเส้นทางภายในเดือน ส.ค.นี้ ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงกทม.-ระยอง จะผ่านการพิจารณาของ ครม.ภายในปีนี้แน่นอน

นายสมคิด กล่าวถึงโครงการรถไฟไทย-จีนว่า เมื่อนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตัดสินใจใช้มาตรา 44 เข้ามาแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ แล้ว ก็จะมีการเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วที่สุด คาดว่าทุกอย่างจะเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือน ก.ย.60 นี้เป็นต้นไป

“ไม่อยากให้มองเพียงว่าผลตอบแทน ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ แต่อยากให้มองว่าเป็นเส้นทางภูมิศาสตร์ที่จะเชื่อมโยงกับหลายๆ ประเทศ ซึ่งรัฐบาลตั้งใจจะสร้างรถไฟให้สุดถึงหนองคาย และเชื่อมต่อไปยังมาเลเซียในอนาคต พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ ยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า จากนโยบายที่รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟขนส่งมวลชนในหลายเส้นทาง หากนับเฉพาะรถไฟฟ้า 2 เส้น คือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และ สีเหลือง ที่มีการลงนามสัญญาในวันนี้มูลค่ากว่า 1 แสนบาท จะมีส่วนช่วยในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทย และช่วยต่อยอดไปยังภาคธุรกิจอื่น เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ และมั่นใจว่า จะส่งผลดีให้นักลงทุนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น แต่หากนักลงทุนไทยไม่เริ่มลงทุนอาจจะตกขบวนได้ พร้อมทั้งเชื่อว่า ในเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของประเทศแล้ว

“ผมเรียนได้เลยว่า ในขณะนี้ถนนทุกสายมาที่ประเทศไทย ถ้าเราร่วมกันอย่างนี้ ทุกอย่างที่ประกาศไว้แล้วเกิดขึ้นจริงทำได้ภายในปีนี้และปีหน้า รับรองเลยว่า ไม่มีอะไรหยุดยั้งประเทศไทยได้อีกแล้ว พวกเราจะก้าวผ่านจากยุคหนึ่งไปสู้อีกยุคหนึ่ง ผมไม่เห็นอะไรจะหยุดยั้งประเทศไทย นอกจากคนไทยด้วยกันเอง เพราะฉะนั้นคนไทยอย่ามาสะดุดขากันเอง”นายสมคิด กล่าว

Back to top button