SET ผันผวนขาขึ้น ชง 15 หุ้นร้อนเทรนด์สวย

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยได้รับผลดีจากปัจจัยบวกในประเทศ อีกทั้งยังมีการเก็งกำไรในการทำ Window Dressing ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและราคาหุ้น Laggard


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.95 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวน หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืน โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภค แต่หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ เพื่อนำมาใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับโอบามาแคร์

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยได้รับผลดีจากปัจจัยบวกในประเทศ อีกทั้งยังมีการเก็งกำไรในการทำ Window Dressing ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและราคาหุ้น Laggard หุ้นเด่นเลือก AOT, MINT, ERW, STEC, UNIQ, SYNTEC, ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, MTLS, IHL, SYNTEC และ PT

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึง (23 มิ.ย.) ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซิกแซกขึ้นได้ โดยรับปัจจัยบวกจากในประเทศ จากที่ตัวเลขส่งออกของไทยงวดเดือนพ.ค.ออกมาดีกว่าตลาดคาดมาก โดยปรับขึ้นราว 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 52 เดือน สูงกว่าตลาดฯที่คาดไว้ว่าจะปรับขึ้น 8%

นอกจากนี้ การจัดงาน Thailand’s Big Strategic Move ได้รับการตอบรับดี และรัฐบาลยังให้ความมั่นใจโครงการต่างๆ จะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งทำให้ไปกระตุ้นมุมมองเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นได้ในปีนี้ อีกทั้ง ยังจะมีการเก็งกำไรการทำ Window Dressing ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า พร้อมให้แนวรับ 1,578 – 1,574 จุด ส่วนแนวต้าน 1,584 – 1,590 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (23 มิ.ย.) แม้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง แต่ SET แข็งแกร่งกว่าที่คาด ขณะที่ยังมองแนวโน้ม SET ระยะสั้นยัง sideways ต่อไปกรอบ 1,575 – 1,590 จุด มองกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการพัฒนาพื้นที่ EEC และระบบ Logistic ที่เชื่อมต่อ EEC ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, กลุ่ม Utility ที่ขายไฟฟ้าเข้านิคมฯ, รับเหมาก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง

“ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ผลดีจากการพัฒนาพื้นที่ EEC ในช่วง 1 – 2 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1) กลุ่มนิคมฯ ที่ได้ผลดีจากราคาที่ดินสูงขึ้น และยอดขายที่ดินเพิ่มขึ้น (AMATA  WHA WHAUP ) 2) กลุ่มรับเหมาฯ ที่ต้องพัฒนาระบบ logistic (STEC SEAFCO CK) 3) ที่ปรึกษาทางการเงินในการระดมทุน (KKP คาดปันผลกลางปี 2 บาท/หุ้น หรือ dividend yield 2.8%) 4) ลงทุนในผลิตภัณฑ์ Innovative (EA  ลงทุนใน Battery Storage)

“ซื้อ” PLANB (TP 7.5 บาท) ราคาหุ้น Laggard กลุ่มสื่ออย่าง WORK RS และ MONO มาก ขณะที่มองเป็น High growth ด้วยกำไรเติบโต 62 – 40% ปี 2017 – 18 ขณะที่การลงทุน JV ในประเทศลาวเป็น strategic move เพื่อขยายธุรกิจสื่อโฆษณาไปยังภูมิภาคมากขึ้น

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (23 มิ.ย.) คาด SET จะยังผันผวนในทิศทางขึ้นเหมือนกับเมื่อวาน ภาพใหญ่ไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนปัจจัยในประเทศยังได้ Sentiment เชิงบวกจากการจัดงาน Thailand’s Big Strategic Move (22-23) และตัวเลขส่งออกที่ออกมาดีเกินคาดทำให้มี Up side ที่ตลาดจะปรับเพิ่มคาดการณ์ ตัวเลขส่งออก รวมถึงประมาณการณ์ GDP ในปีนี้ขึ้น อย่างไรก็ตามเราคาดว่าดัชนีจะยังปรับขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนอาจจะชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์รวมถึงรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศซึ่งวันนี้หลายประเทศมีกำหนดที่จะประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค. อาทิ สหรัฐและกลุ่มประเทศในยูโรโซน

ยังแนะนำการลงทุนโดยเน้น กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยว(นักท่องเที่ยวจีนเดือนพ.ค.กลับมาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน) อาทิ AOT MINT ERW หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศฟื้นตัว, หุ้นรับเหมาก่อสร้างภาครัฐและเอกชนเปิดประมูลงานมากขึ้น (STEC UNIQ SYNTEC) และ Selective หุ้น Mid Small Cap ที่แนวโน้มผลประกอบการ 2Q17 จะออกมาดี อาทิ (ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL SYNTEC PT)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : SYNTEC (ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 5.5) โมเมนตัมงานก่อสร้างอาคารสูงโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมกำลังจะมา เป็นบวกกับ SYNTEC ซึ่งมี Market Share 50% หรือใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในตลาดงานก่อสร้างอาคารสูงและคอนโดมิเนียม, PT (ซื้อเก็งกำไร/ซื้อสะสม) คาดผลประกอบการ 2Q17 เติบโตโดดเด่น จากจำนวนสินค้าคงเหลือที่รอส่งมอบเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 513 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 เทียบกับระดับปกติที่ 250 ล้านบาทต่อไตรมาส คาดว่ากว่า 70% จะทยอยส่งมอบในไตรมาส 2

Back to top button