จีน ถ่านหิน และวิกฤต

  เมื่อวานนี้ ทางการจีนออกคำสั่งจัดระเบียบใหม่ในการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ โดยจะห้ามการนำเข้าถ่านหินผ่านท่าเรือขนาดเล็กตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ แต่คำสั่งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อท่าเรือขนาดใหญ่ของจีน เช่น ท่าเรือ เมืองเทียนจิน


พลวัตปี 2017 : วิษณุ โชลิตกุล

เมื่อวานนี้ ทางการจีนออกคำสั่งจัดระเบียบใหม่ในการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศ โดยจะห้ามการนำเข้าถ่านหินผ่านท่าเรือขนาดเล็กตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ แต่คำสั่งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อท่าเรือขนาดใหญ่ของจีน เช่น ท่าเรือ เมืองเทียนจิน

คำสั่งดังกล่าว น่าจะมีความชัดเจนมาแล้วก่อนหน้านี้ เพราะมีผลทำให้การนำเข้าถ่านหินของจีนได้ลดลง 10.5% ในเดือนสองเดือนที่ผ่านมาไปแล้ว

การดำเนินการของจีนดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในแผนการลดปริมาณการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าในประเทศจีนลง หลังจากที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการปิดเหมืองถ่านหินจำนวนมากทั่วประเทศ

แผนการลดปริมาณการใช้ถ่านหินของจีน มีเป้าหมาย 2 ด้านพร้อมกันในลักษณะ ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกหลายตัว คือ 1) ลดมลพิษทางอากาศ จากปัญหาหมอกควันในประเทศทั่วไป 2) ลดการผลิตและนำเข้าถ่านหินคุณภาพต่ำในความพยายามที่จะเพิ่มคุณภาพอากาศ

แม้จะยังมีการถกเถียงว่าเจตนาในการลดใช้ถ่านหิน จะแยกออกเป็น 2 ขั้ว คือ ขั้วแรกระบุว่า รัฐบาลจีนตระหนักในพิษภัยของการใช้ถ่านหิน จึงต้องการทยอยปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะทำให้โลกร้อน ทำให้อากาศสกปรก แล้วเร่งลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่สะอาดกว่า  ทั้งแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานนิวเคลียร์ ส่วนขั้วหลังบอกตรงกันข้ามว่า การสั่งยกเลิกโรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินในจีนจำนวนมาก เป็นเพราะต้องการลดความสูญเปล่าในการลงทุน เพราะโรงไฟฟ้าดังกล่าว ไม่มีถ่านหินมากเพียงพอที่จะมาทำการผลิตเอง จากหลายปีมานี้ มีการปิดเหมืองที่ผิดกฎหมายและมีอุบัติเหตุมากมายทั่วประเทศ กลายเป็นวิกฤตขาดแคลนถ่านหิน ไม่ใช่เพราะทางการจีนต้องการยกเลิกใช้ถ่านหิน

โดยข้อเท็จจริง ในต้นปี 2559 ทางการจีน ได้มีการอนุมัติโครงการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจำนวนมาก ถึง 144 โรง และวางยุทธศาสตร์เพิ่มจำนวนขึ้นไปในแผน 5 ปีและมากกว่าจำนวนโรงไฟฟ้าถ่านหินในอังกฤษทั้งหมดรวมกัน แต่ในเดือนเมษายนปีเดียวกัน องค์กรบริหารพลังงานของจีน (NEA) ได้ประกาศกลับนโยบายใหม่โดยสั่งจำกัดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากถ่านหินใหม่ในหลายพื้นที่

ต่อมา เดือนมกราคมปีนี้ NEA จึงมีคำสั่งยกเลิกการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ มากถึง 103 โรง จากที่อนุมัติไปแล้ว คำสั่งดังกล่าว ทำให้อนาคตจะมีกำลังไฟฟ้าหายไป 120 GW ซึ่งมีผลให้เกิดการประท้วงจากรัฐบาลท้องถิ่นจำนวนมากโดยอ้างว่าจะกระทบต่อการจ้างงานในท้องถิ่น

ความเอาจริงเอาจังของทางการจีนยังดำเนินการต่อไปเมื่อ คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจของจีน SASAC ได้ออกคำสั่งในเวลาไล่เรี่ยกันให้บริษัทผลิตไฟฟ้าใต้อำนาจของคณะกรรมการ ลดการใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าลง 10% ภายใน 2 ปี และลดลงอีก 15% ภายใน 5 ปี

เหตุผลที่แท้จริงของคำสั่งดังกล่าว ที่เกิดขึ้นในขณะที่จีนมีการใช้ถ่านหินสูงสุดเป็นสถิติในการผลิตไฟฟ้า คือ มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินเกินกำลังที่ขออนุญาต และโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่ดำเนินการอยู่แล้ว ผลิตไฟฟ้าต่ำกว่ากำลังการผลิตจริง จากผลพวงของการที่ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มีจำนวนผลผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากถึง 22 GW โดยที่ 14 GW เป็นไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน

ที่ผ่านมา ทั่วประเทศจีนมีโรงไฟฟ้าถ่านหินมีกำลังการผลิตรวม 920 GW แต่มีข้อเท็จจริงว่า ล้นเกินโควตาของทางการจีนมาก ทำให้หลายโรงไฟฟ้ามีปัญหาทางการเงิน และผิดนัดชำระหนี้กับเจ้าหนี้ธนาคารจนเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาหนี้รัฐวิสาหกิจที่เรื้อรังที่แก้ไม่ตก เฉพาะหนี้จากโรงไฟฟ้าก็มากถึง 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าไปแล้ว

บริษัทที่ปรึกษาอิสระทางด้านปรับภาระหนี้สินภาครัฐของทางการจีน ระบุชัดเจนว่า หนี้รัฐวิสาหกิจที่เกิดจากโรงไฟฟ้าล้นเกิน เป็นการใช้ทรัพยากรที่ผิดพลาด ทำให้ทางการจีนต้องหันมาทบทวนปัญหาโรงไฟฟ้าเสียใหม่ว่าให้เลิกมาตรการ “สร้างก่อน แก้ปัญหาทีหลัง” ที่เคยทำกันมาเสียที

การทบทวนดังกล่าวเกิดจากข้อเท็จจริงที่วา อุปสงค์ของพลังงานไฟฟ้าในจีนได้เพิ่มขึ้นในอัตราต่ำลงจากอดีตมาก จากระดับเติบโตเพิ่มปีละ 10% ลงมาเหลือแค่ 3% ต่อปี เท่านั้น

แรงกดดันดังกล่าว ทำให้การทบทวนเรื่องก่อตั้งโรงไฟฟ้าใช้ถ่านหินเอาจริงเอาจังมากขึ้น และผลเสียย่อมหนีไม่พ้น การจัดระเบียบใหม่ในการนำเข้าถ่านหิน และการขุดเหมืองถ่านหิน โดยการประเมินล่วงหน้าว่า ในปี ค.ศ.2020 ถ้าต้องการให้มีการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเพียงแค่ 45% ของพลังงานไฟฟ้ารวม จะต้องมีจำนวนผลผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงจากระดับปัจจุบันมากถึง 210 GW

ความตระหนักถึงภาพลักษณ์ของประเทศต่อสายตาประชากรโลก ทางการจีนจึงถือโอกาสนี้ช่วงชิงความชอบธรรมว่า การลดใช้ถ่านหิน คือปฏิบัติการลดโลกร้อน แต่ไม่ยอมพูดถึงข้อเท็จจริงเรื่องอุปสงค์ลดลง ที่ตามมาด้วยการปรับตัวสู่ขาลงของธุรกิจถ่านหินของโลก เป็น “ความลับที่ถูกปิด” โดยเจตนา

Back to top button