เปิด 10 หุ้นราคากู่ไม่กลับ! 6 เดือนนักลงทุนเจ๊งเกิน 40%
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 1.21% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ 1,561.66 จุด ( 30 มิ.ย.60) หรือบวกไป 18.72 จุด บรรยากาศดังกล่าวทำให้หุ้นขนาดเล็กและหุ้นไม่มีพื้นฐานถูกเทขายออกมาอย่างหนัก
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 1.21% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ 1,561.66 จุด ( 30 มิ.ย.60) หรือบวกไป 18.72 จุด บรรยากาศดังกล่าวทำให้หุ้นขนาดเล็กและหุ้นไม่มีพื้นฐานถูกเทขายออกมาอย่างหนัก
ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมหุ้นที่ปรับตัวลงแรงในรอบ 6 เดือนมานำเสนอ โดยครั้งนี้คัดเลือกเฉพาะหุ้นที่ปรับตัวลงแรงเกิน 40% โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 10 ตัว คือ GL, FER, ABC, MAX, TRITN, NMG, FN, NPP, SCN และ PTG อย่างไรก็ตาม การเสนอหุ้นกลุ่มดังกล่าว ไม่สามารถนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุนได้ครบทุกตัว ดังนั้นจึงขอนำเสนอหุ้นปรับตัวลงแรงเพียง 5 อันดับแรกเท่านั้น
อันดับ 1 บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ปรับตัวลงแรง 62.62% มาอยู่ที่ระดับ 21.40 บาท (30 มิ.ย.60) ลบไป 35.85 บาท จากระดับ 57.25 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากความกังวลของนักลงทุนต่อการที่บริษัทได้ให้เงินกู้ยืมแก่บริษัทย่อยในสิงคโปร์
ซึ่งบริษัทย่อยนี้ได้ให้บริษัทอื่นสองกลุ่มในเกาะไซปรัส และสิงคโปร์กู้ยืมเงินต่อ หรือ “แครี่เทรดข้ามชาติ” และได้นำหลักทรัพย์ส่วนหนึ่งที่เป็นหุ้นของบริษัทมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ยืมจากบริษัทย่อย
แน่นอนประเด็นดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ราคาหุ้น GL ร่วงหนักตลอด 6 เดือน ที่ผ่าน เนื่องจากบริษัทไม่สามารถชี้แจงข้อมูลการปล่อยกู้ได้ชัดเจน อีกทั้งช่วงที่ผ่านมามีประเด็นลบเข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็น การตรวจพบปมฉาวเพิ่มเติมอาทิ ก.ล.ต.ญี่ปุ่นเคยสั่งปรับฐานปั่นหุ้น อีกทั้งโบรกฯเกอร์ที่ออกมาเตือนเรื่องการเข้าลงทุนยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงอีกทาง
อันดับ 2 บริษัท เฟอร์รั่ม จำกัด (มหาชน) หรือ FER ปรับตัวลงแรง 56.82% มาอยู่ที่ระดับ 0.38 บาท (30 มิ.ย.60) ลบ 0.50 บาท จากระดับ 0.88 บาท (30 ธ.ค. 59) คาดนักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ประกอบกับหุ้นไม่มีพื้นฐาน เนื่องจากขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปีจึงเป็นเหตุให้นักลงเทขายหุ้นตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
อันดับ 3 บริษัท แอสเซท ไบร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ABC ปรับตัวลงแรง 55.88% มาอยู่ที่ระดับ 0.15 บาท (30 มิ.ย.60) ลบ 0.19 บาท จากระดับ 0.34 บาท (30 ธ.ค. 59) คาดนักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ประกอบกับหุ้นไม่มีพื้นฐาน เนื่องจากขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปีจึงเป็นเหตุให้นักลงเทขายหุ้นตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
อันดับ 4 บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX ปรับตัวลงแรง 55.56% มาอยู่ที่ระดับ 0.04 บาท (30 มิ.ย.60) ลบ 0.05 บาท จากระดับ 0.09 บาท (30 ธ.ค. 59) คาดนักลงทุนขายทำกำไร หลังหุ้นเคยปรับตัวขึ้นแรงช่วงต้นปีเนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนที่น่าสนใจ แม้ว่าในช่วงเดือนพ.ค.แม้ว่าบริษัทจะมีข่าวดีเข้ามาสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการไตรมาส 1/60 ที่มีกำไร 13.39 ล้านบาท จากงดเดียวกันของปีก่อนขาดทุน 0.93 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทแผนเข้าลงทุน 60% ในบริษัท เอชเอ็นซี เพาเวอร์ จำกัด หรือ HNC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ และจัดจำหน่าย น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มดิบ กากเมล็ดในปาล์ม (อาหารสัตว์) ปุ๋ยอินทรีย์ และพลังงานทดแทนพร้อมกับการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการก่อสร้างและพัฒนาโรงงาน รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 4 เมกะวัตต์ (MW) คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 880 ล้านบาท แต่ราคาหุ้นก็ยังไม่กระเตื้องและยังอ่อนตัวตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
อันดับ 5 บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN ปรับตัวขึ้นแรง 47.92% มาอยู่ที่ระดับ 0.25 บาท (30 มิ.ย.60) ลบ 0.23 บาท จากระดับ 0.48 บาท (30 ธ.ค. 59) คาดนักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ประกอบกับหุ้นไม่มีพื้นฐานเนื่องจากขาดทุนหนักปีก่อน อีกทั้งไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนทำให้นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรเทขายหุ้นอย่างหนักตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน