โค้งตัวลงโมนิก้าและทีมงาน

*วานนี้หลายคนอาจมองการเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นแบบ m-shape หรือ u-shape และอาจเป็นแบบ w-shape ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาดแต่อย่างใด เพราะกระบวนการวิเคราะห์ดังกล่าวมีเหตุผลรองรับกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจหลักการลงทุนเสียก่อนว่า อย่าลืมมองความเป็นจริงรอบด้านที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำไงล่ะค่ะ


*วานนี้หลายคนอาจมองการเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นแบบ m-shape หรือ u-shape และอาจเป็นแบบ w-shape ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาดแต่อย่างใด เพราะกระบวนการวิเคราะห์ดังกล่าวมีเหตุผลรองรับกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเข้าใจหลักการลงทุนเสียก่อนว่า อย่าลืมมองความเป็นจริงรอบด้านที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำไงล่ะค่ะ

*งานนี้ไม่ต้องสนใจปัจจัยรอบด้านมากก็จริง แต่ต้องเข้าใจธรรมชาติของหุ้นที่ล้อไปกับดัชนี เพื่อประเมินผลได้ผลเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ “โมนิก้า” ใช้ประกอบการวิพากษ์วิจารณ์เป็นประจำ และจังหวะนี้ต้องไม่ลืมว่า การโค้งตัวลงของดัชนีคล้ายคลึงกับก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้นยังสื่อให้รู้ว่า จังหวะของชาวสวนกำลังมาถึงแล้วนะคะ

*สาเหตุที่ทำให้เดี๊ยนมั่นใจเช่นนั้นล้วนมาจากแพทเทิร์นทุกอย่างยังเหมือนเดิม บวกกับนักลงทุนสถาบันพากันเทขายอย่างหนักหน่วง จึงมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงอีก บวกกับดัชนีอ่อนตัวหลุดแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,550 จุดลงมาเป็นครั้งที่ 2 ภายใน 1 สัปดาห์ “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจหากดัชนีจะอ่อนตัวลงมาอีก เพราะทั้งทิศทาง และน้ำหนัก มาทางนี้แล้วนะซี

*ด้วยเหตุนี้ข้อเสนอในช่วงหลังๆ ถึงมีแค่การแนะนำให้เล่นหุ้นรายตัว ใครชอบหุ้นตัวใหญ่ ต้องเข้าทำให้เร็วที่สุด ใครชอบหุ้นกลาง ต้องจับจังหวะช่วงเด้ง ส่วนใครที่ชอบหุ้นเล็ก ต้องกำหนดช่องเล่น 5 ช่อง แล้วออกของทันที “โมนิก้า” ถึงอยากให้เหล่านักเล่นลองประเมินการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,548.83 จุด ลบไป 6.63 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.90 หมื่นล้านบาท มีอะไรต้องสนใจอีกไหมเจ้าค่ะ

*สำหรับหุ้นรายตัวที่น่าสนใจสุดๆ ในยามนี้กลายเป็น DTAC จู่ๆ ราคาหุ้นเด้งกลับขึ้นมาอย่างร้อนแรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีคำแนะนำให้เก็บเข้าพอร์ตออกมาตลอดเวลา แต่ราคาหุ้นกลับดิ่งลงเหวอย่างเดียว ซึ่งเหตุการณ์ในทำนองนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 56 ตอนนั้นหุ้นดิ่งลงมาจาก 130 บาท ลงมามาทำ low ในช่วงต้นปี 57 ที่ระดับ 90  บาท แต่หลังจากนั้นถีบตัวขึ้นไปเรื่อยๆ จนกลางปี 57 ขึ้นไปถึง 130 บาท ต่อจากนั้นรูดลงมาเรื่อยๆ จนลงมาทำ low ในเดือน เม.ย. 58 ที่บริเวณ 82 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 87 บาท บวกไป 5.50 บาท หรือขึ้นไป 6.75%..รูปแบบเหมือนเดิมไหมเอ่ย?

*หากยังไม่เข้าใจ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ย้อนกลับไปดูแพทเทิร์นการทะยานขึ้นของหุ้น PTT ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? วันนี้รูปแบบดังกล่าวกำลังเดินตามรอยอีกครั้ง เดี๊ยนถึงย้ำเสมอว่า หุ้นแต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไปก็จริง แต่แพลตฟอร์มการเคลื่อนตัวของหุ้นมักมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เซียนหุ้นสำนักต่างๆ ถึงจะหันมาเล่นเทคนิคกันเยอะแยะไปหมดไงล่ะค่ะ

*ดาวเด่นอีกหนึ่งตัวที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับจับตาดูให้ดีๆ ในเที่ยวนี้ก็คือ SAMART  ในเมื่อแผนงานทุกอย่างยังเป็นไปตามที่พรายกระซิบเล่าให้ฟัง ก็ถูกต้องแล้วที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสวนภาวะ งานนี้ไม่ต้องไปสืบเสาะแสวงหาประเด็นอื่นให้เสียเวลา แค่รู้ว่า แต่ละไตรมาสจะเห็นโปรเจ็กต์ใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวหุ้นก็วิ่งกลับไปที่ 45 บาทในไม่ช้า ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 31.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4% เหลือแก๊ปให้เล่นอีกเพียบเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SMT ถูกปูฐานด้วยความเชื่อเรื่อง turnaround ตั้งแต่ปลายปี 57 ต่อเนื่องถึงปี 58 หุ้นถึงไต่ระดับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากหุ้นที่มีค่าตัวแค่ 6.50 บาท ล่าสุดมีค่าตัวอยู่ที่ 10.10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4% มันเป็นจังหวะของนักลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง งานนี้ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อสุดลิ่มทิ่มประตู แค่อยากบอกเล่าเรื่องราวของหุ้นที่มีแนวโน้มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็เท่านั้นเอง

*กรณีเหมือนกับน้องน้ำตาล BRR มองในมุมของการแสความเชื่อเรื่องผลการดำเนินงาน “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจที่ผู้เล่นต้องชะเง้อตามอง ยิ่งหุ้นฟอร์มตัวรอบใหม่ด้วยการขึ้นแรงแล้วพักสองสามวัน ต่อนั้นเริ่มขยับขึ้นอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยที่วานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 10.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น มันเป็นจังหวะที่น่าเสี่ยงดูสักตั้ง

*ส่วนที่เห็นว่าเสี่ยงเต็มสองลูกตา “โมนิก้า” ให้ความสำคัญไปที่หุ้น VIH กับ TCMC การขึ้นเที่ยวนี้วัดกันที่เรื่องเทคนิคล้วนๆ ปัจจัยพื้นฐานมีปะปนบ้างเล็กน้อย บวกกับประวัติความเป็นมาออกไปในโทนสีเทา จึงไม่ต้องแปลกใจที่เดี๊ยนยังมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจ ก็ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.15 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 9% ส่วนรายหลังปิดที่ 3.34 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 8.50% ย่อมเป็นเรื่องที่ผู้เล่นต้องคิดกันเอาเองว่า จะเอากันอย่างไร?(อย่าคิดลึกนะตัวเอง)

*ป.ล. วันนี้ผู้เล่นต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เราซื้อหุ้นไม่ได้ซื้อดัชนี จึงต้องให้ความสนใจเฉพาะสิ่งที่สนใจนะค่ะ

Back to top button