น้ำมันดิบปิดวานนี้ปรับลง ตลาดวิตกภาคบริการสหรัฐชะลอตัว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) หลังมีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงเกินไป
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 เม.ย.) หลังมีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงเกินไป
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 16 เซนต์ ปิดที่ 56.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 64.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงหลังจากมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 57.8 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 59.2 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 เม.ย. พุ่งขึ้น 5.3 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 489 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบอย่างน้อย 80 ปี จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.8 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 738,000 บาร์เรล สู่ระดับ 62.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2004 และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 395,000 บาร์เรล สู่ระดับ 129.3 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันอังคารและวันพุธนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงการประชุมเดือนก.ย. เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ