SET ทรงตัว จัดทัพ 28 หุ้น กำไรโต – ปันผลเด่น

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังผันผวนในกรอบจำกัดต่อเนื่อง แม้ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่จะกลับมาฟื้นตัว แต่ตลาดบ้านเรายังมีปัจจัยกดดันจากการประกาศงบของแบงก์ใหญ่ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อน การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นแนวโน้มงบไตรมาส 2/60 ออกมาดี, ให้ปันผลสูง หรือ ราคา Laggard


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.61 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น รับดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดทำนิวไฮเมื่อคืน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ รวมทั้งรายงานตัวเลขการสร้างบ้านในสหรัฐเดือน มิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังผันผวนในกรอบจำกัดต่อเนื่อง แม้ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่จะกลับมาฟื้นตัว แต่ตลาดบ้านเรายังมีปัจจัยกดดันจากการประกาศงบของแบงก์ใหญ่ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อน การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่นแนวโน้มงบไตรมาส 2/60 ออกมาดี, ให้ปันผลสูง หรือ ราคา Laggard

หุ้นเด่นเลือก BEAUTY, KAMART, WHAUP, DTAC, IRPC, SAMART, SAMTEL, JMART, CBG, ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, MTLS, IHL, SYNTEC, PT, MINT, ERW, AOT, SCC, SCCC, ADVANC, LH, QH, KKP และ MC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ค.) ว่า แม้ SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ระยะสั้นช่วงประกาศกำไร 2Q17 กรอบ 1,568-1,590 จุด แต่เป็นโอกาสในการ “ซื้อ” มอง SET จะให้ผลตอบแทนดีขึ้นในระยะ 1 – 3 เดือนข้างหน้าจาก 1) Consensus ปรับเป้าหมายหุ้นขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (ดูรายงาน The Revision วันที่ 18 ก.ค.ประกอบ) 2) แรงกดดันเงินเฟ้อต่ำ ส่งผลให้ดอกเบี้ยในประเทศต่ำนาน เอื้อต่อการลงทุน 3) PE premium ของ SET กับ MSCI Ex-JP ลดลงเหลือ 10% เทียบกับในอดีตที่ 22% 4) valuation ของ SET ที่ PE18 14 เท่า และ Earnings yield gap ที่ 4.6% น่าสนใจลงทุนมากขึ้น

แนะนำ “ซื้อ” DTAC (TP 70) ต่อจากเมื่อวาน ยังมอง EV/EBITDA ปี 2017 ที่ 6.6 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนหน้าที่ 7.3 เท่า ขณะที่คาดการณ์กำไรปี 2018-19 จะเติบโตสูง 27-390% และกระแสเงินสดแข็งแกร่งด้วย EBITDA 2.9-3.0 หมื่นล้านบาท/ปี ประเมินแนวต้านระยะสั้นที่ 58/60 บาท …รวมถึง “ซื้อ” BEAUTY  (คาดกำไร 2Q17 +57% y-y), KAMART MTLS EA WHAUP  (Initiate คาดกำไร 2Q17 แข็งแกร่ง) ขณะที่หุ้นเงินปันผลระหว่างกาลสูง “ซื้อ” KKP  (คาด 2.7%) และ SPRC (คาด 3.6%) ต่อไป

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ค.) คาด SET ยังผันผวนในกรอบจำกัด แม้ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่จะกลับมาฟื้นตัว แต่ตลาดบ้านเรายังมีปัจจัยกดดันจากการประกาศงบ 2Q17 ของ BBL KBANK SCB ซึ่งคาดกำไรสุทธิจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อน กดดันราคาหุ้นต่อ ประกอบกับคาดว่านักลงทุนจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมของ ECB เย็นวันนี้ ว่าจะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยและลดวงเงิน QE หรือไม่ และจะส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินอย่างไรในระยะถัดไป ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการไหลของ Fund Flow จากต่างชาติ

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ยังเน้น Selective buy หุ้นที่ปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ 1) กลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/17 จะออกมาดี ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL SYNTEC PT 2)กลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW และ AOT จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3) กลุ่มที่จ่ายปันผลสูงและมีปันผลระหว่างกาล อาทิ SCC SCCC ADVANC LH QH KKP MC

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : JMART(ซื้อเก็งกำไร/เป้า Consensus 15.50) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q17 เติบโตต่อเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและผลกำไรจากบริษัทลูก JMT ที่สูงขึ้น, ขณะที่ J-Fintech ธุรกิจปล่อยสินเชื่อคาดพลิกมีกำไรในปีนี้จากที่ขาดทุน 150 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา, CBG (ซื้อ/เป้า 85 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q17 น่าจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาส จากแรงหนุนของยอดขายในจีนที่เพิ่มขึ้นทำ New High ทุกเดือน และธุรกิจที่อังกฤษพลิกกำไร

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (20 ก.ค.) ว่า วาง Filter แนวรับที่ 1,565 – 1,570 จุด หากยืนได้แนะนำถือพอร์ตการลงทุน แนะนำเก็งกำไร IRPC ([email protected]) คาดธุรกิจโรงกลั่นและหน่วย UHV หนุน , เก็งกำไร SAMART, SAMTEL (Laggard Stock)

Back to top button