AOT บวก 3.57% นิวไฮตั้งแต่เข้าตลาด รับอานิสงส์ผู้โดยสารพุ่ง
AOT บวก 3.57% ทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาด รับอานิสงส์ผู้โดยสารพุ่ง หนุนกำไร Q3 โตสดใส ล่าสุด ณ เวลา 15.29 น. ราคาอยู่ที่ 50.75 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ 50.75 บาท ต่ำสุดที่ 49.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 2.71 พันล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ณ เวลา 15.29 น. ราคาอยู่ที่ 50.75 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 3.57% สูงสุดที่ 50.75 บาท ต่ำสุดที่ 49.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 2.71 พันล้านบาท โดยราคาหุ้นดังกล่าวปรับตัวสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาด เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2547
โดยนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยว่า ในปี 2560 ตั้งเป้าปริมาณผู้โดยสารเติบโต 7-8% จากปี 2559 ที่มีปริมาณผู้โดยสารรวม 119.92 ล้านคน แต่เป็นการเติบโตที่ลดลง เพราะปี 2559 ปริมาณผู้โดยสารเติบโตถึง 12.3% เนื่องจากช่วงไตรมาส 1/2560 (ต.ค.-ธ.ค. 59) AOT ได้รับผลกระทบจากมาตรการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และยอมรับว่าปัจจุบันท่าอากาศยานของ AOT โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองไม่พอต่อการรองรับผู้โดยสาร
สำหรับการดำเนินงานรอบ 8 เดือน (ต.ค. 59-พ.ค. 60) AOT มีปริมาณผู้โดยสารรวม 6 ท่าอากาศยานที่ 86,942,131 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.17% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48,250,239 คน เพิ่มขึ้น 4.56% และผู้โดยสารภายในประเทศ 38,691,892 คน เพิ่มขึ้น 10.61% มีเที่ยวบินรวม 51,405 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.21% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 274,796 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 2.07% และเที่ยวบินภายในประเทศ 276,609 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.68%
“ยอมรับว่าปี 2560 จะเติบโตลดลงจากปี 2559 แต่ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อผลประกอบการ เพราะตัวเลข 7-8% เป็นตัวเลขที่เราคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว และถือเป็นตัวเลขที่เติบโตสูงสุดในภูมิภาค” นายนิตินัย กล่าว
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” AOT ให้ราคาเป้าหมาย 50.80 บาท โดยคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2560 (เม.ย.-มิ.ย. 60) จะยังคงแข็งแกร่ง ทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 (ต.ค. 59-มิ.ย. 60) ซึ่งคิดเป็น 80% ของประมาณการทั้งปีอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจัยที่หนุนให้กำไรสุทธิช่วงไตรมาส 3/2560 เติบโตต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (Low season) มาจากการที่ปริมาณผู้โดยสารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผู้โดยสารในประเทศเพิ่มขึ้น 11% และระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 6% และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารใหม่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และภูเก็ต ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวจีนก็กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจาก 535,550 คนในเดือนธันวาคม 2559 มาเป็น 762,500 คนในเดือนมิถุนายน 2560
นอกจากนี้พบว่าประเด็นเรื่องค่าเช่าที่ดินราชพัสดุไม่น่าเป็นห่วงมากเท่าก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าข้อสรุประหว่าง AOT กับกรมธนารักษ์ จะสรุปในแนวโน้มที่ดี หลังจาก AOT มีการเจรจากับกรมธนารักษ์ไปแล้ว ซึ่ง บล.เคจีไอประเมินว่า AOT อาจต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลัง 500 ล้านบาท และต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่มสำหรับการต่อสัญญาไปอีก 10 ปี คิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 1 พันล้านบาท โดยคาดว่าการเจรจาจะได้ข้อสรุปในเดือนกันยายนนี้ เพราะ AOT ต้องชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ที่ดินเพื่อการพาณิชย์สำหรับการชำระค่าเช่าในอนาคต
นอกจากนี้ แผนการลงทุนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 ยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่ดีของ AOT ต่อไปด้วย โดย AOT มีแผนเพิ่มความสามารถการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 83.5 ล้านคนในปี 2559 เป็น 181 ล้านคนในอีก 10 ปีข้างหน้า ขณะที่จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการจริงปัจจุบันอยู่ที่ 116 ล้านคนแล้ว ซึ่งเกินกว่าความสามารถในการรองรับที่เพิ่มเป็นประมาณ 101 ล้านคนเมื่อปี 2559
ทั้งนี้จึงเชื่อว่ากำไรของ AOT ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องการใช้บริการท่าอากาศยานที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องมาหลายปี รวมทั้งยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแผนของรัฐบาลที่จะขยายความเชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานต่างๆ ตามนโยบายโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ซึ่งน่าจะส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสาร AOT เติบโตได้ปีละ 8% ตามเป้าที่ AOT วางไว้
นอกจากนี้ ยังประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 (ต.ค. 59-ก.ย. 60) ที่ 2.11 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2559 จำนวน 8% และประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 2.33 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4%