SET ดีดตัวตาม ตปท. เก็ง 12 หุ้นร้อนมีประเด็นหนุน
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตลาดบ้านเรายังมีแรงซื้อคืนจากสถาบันในประเทศ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/60 ดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.30 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลในเดือน ก.ย. หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่เฟดคาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ตลาดบ้านเรายังมีแรงซื้อคืนจากสถาบันในประเทศ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/60 ดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หุ้นเด่นเลือก BEAUTY, SEAFCO, MTLS, SAWAD, EA, LH, AP, KKP, CK, UNIQ, IRPC และ PTTGC
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (27 ก.ค.) ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากได้รับ Sentiment ดีจากตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างบวกกันราว 0.2 – 0.3% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่ภายหลังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯออกมาดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บ้านเรายังมีแรงซื้อคืนจากสถาบันในประเทศด้วย
อย่างไรก็ดี อยากจะเตือนให้ระวังความผันผวนของตลาดฯด้วย เนื่องจากผลการประชุมเฟด แม้จะออกมาคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1 – 1.25% แต่ได้มีการส่งสัญญาณการปรับลดงบดุลในเดือนก.ย.นี้ และทางวุฒิสภาของสหรัฐฯก็จะโหวตต้านกฎหมายสุขภาพด้วย ทำให้สร้างความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ พร้อมให้แนวรับ 1,580 – 1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 – 1,586 จุด ถัดไป 1,590 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ค.) ว่า Fed คงดอกเบี้ยที่ 1.25% และคาดว่าจะเริ่มลดขนาดสินทรัพย์ในเดือน ก.ย.นี้ US$1 หมื่นล้าน/เดือน ตามคาด แม้มองว่า SET จะเคลื่อนไหวแคบในช่วงประกาศงบ 2Q17 แต่แนะนำให้มองโอกาสลงทุนในระยะ 3 – 6 เดือนข้างหน้ามากกว่า มองกำไรบริษัทจดทะเบียนเร่งตัวขึ้น +9.2% ปีหน้า (มอง downside risk จากการปรับกำไรลงไม่มาก) 2) SET มี PE สูงกว่าค่าเฉลี่ย MSCI Ex JP ในอดีต 22% แต่ปัจจุบันต่ำเพียง 10% และ 3) PE18 ที่ 14 เท่า และ earnings yield gap ที่ 4.6% “ไม่แพง”
แนะนำ 1.”ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรเติบโตแกร่ง 2Q17 : BEAUTY (คาดกำไร 2Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 218 ล้านบาท +57% y-y) SEAFCO (รัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปลายปีนี้) MTLS SAWAD EA LH AP และ 2.”ซื้อ” KKP (TP 75).ราคาหุ้นปรับลดลง 10% ในช่วง 1 สัปดาห์ สะท้อนกำไร 2Q17 ที่อ่อนแอกว่าคาด ขณะที่เงินกองทุน Tier I สูง 15.5% (เทียบค่าเฉลี่ยกลุ่ม 14.1%) ทำให้คาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลทั้งปี 6 บาท/หุ้น (8.9%) และระหว่างกาล 2 บาท/หุ้น (3%) ประกาศปลายเดือน ส.ค.ขณะที่ทางเทคนิคลุ้น Rebound แนวรับ 66.75 บาท (ดูกราฟหน้า 2)
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ก.ค.) กลยุทธ์การลงทุน ประเมินดัชนีมีแนวรับ 1,575 จุด แนวต้าน 1,590 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน แนะนำเก็งกำไร CK, UNIQ (+ ประมูลรถไฟทางคู่ & รถไฟฟ้า) และ IRPC (+ ค่าการกลั่นสิงค์โปร์ยืนที่ระดับ 7.5 ดอลลาร์/บาร์เรล), PTTGC (+ คาดผลประกอบการต่ำสุดใน Q2 ที่ผ่านมา)