หุ้น BIG เกิดอะไรขึ้น
วานนี้ราคาหุ้น BIG หรือ บมจ.บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น ยังคงร่วงอีก
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
วานนี้ราคาหุ้น BIG หรือ บมจ.บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น ยังคงร่วงอีก
ปิดตลาดปรับลงมา 0.02 บาท มาที่ 3.76 บาท
ราคาปิดนี้ถือว่าต่ำสุดในรอบเกือบ 10 เดือน
ราคาหุ้น BIG หากดูจากกราฟ ก็จะเห็นว่า ราคาเริ่มๆ โรยตัวลงมานับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 60 แล้วนะ
หลังจากนั้น ก็ปรับลงมาตลอด ต่อเนื่อง มีหยุดพักเป็นบางช่วง หรือมีรีบาวด์บ้าง แต่ทิศทางยังคงเป็นขาลง และล่าสุดก็มาอยู่ที่ 3.756 บาทนั่นแหละ
หากดูราคาในรอบ 1 เดือน ราคาหุ้น BIG ลงมาแล้ว 25–26%
ในไตรมาส 1/60 หุ้น BIG มีกำไรสุทธิ 238 ล้านบาท
กำไรนี้ใกล้เคียงกับตัวเลขไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท
แล้วแนวโน้มไตรมาส 2 ล่ะ
หากดูจากบทวิเคราะห์ของโบรกฯ สำนักต่างๆ ก็จะพบว่า มีการมองตรงกันว่า แนวโน้มจะไม่ค่อยดีนัก ผลประกอบการอ่อนแอ อาจจะปรับร่วงลง 8-9% จากเทียบกับไตรมาส 2/59
และจะปรับลง 29% หากเทียบกับไตรมาส 1/60
ในด้านของตัวเลขสำคัญทางการเงินอื่นๆ หากดูของไตรมาส 1/60 เช่น หนี้สินของ BIG อยู่ที่ 1,112 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1,516 ล้านบาท
D/E Ratio หรือหนี้สินต่อทุนจะอยู่ที่ 0.73 เท่า
ไม่ได้ถือว่ามากอะไร
แต่ตรงนี้ต้องรอดูตัวเลขไตรมาส 2/60 ด้วยว่า มีการเปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญหรือไม่
ตัวเลขระดับพี/อี ล่าสุด อยู่ประมาณ 15 เท่า
และหุ้นให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล หรือ Dividend Yield อยู่ประมาณ 3.70 บาท ต่อหุ้น
ระดับเงินปันผลนี้ถือว่าน่าสนใจ
ทว่า หากมองไปในอนาคต (นอกเหนือจากไตรมาส 2) นั่นคือ ไตรมาสถัดๆ ไป ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่ผลประกอบการของ BIG อาจจะยังไม่ฟื้นตัว
ไม่เช่นนั้น “กองทุน” ไม่มีการเทขายหุ้นกันออกมาค่อนข้างมาก
ก่อนหน้านี้ หากจำกันได้ กองทุนที่ลงทุนหุ้นขนาดกลางหลายกองทุน ต่างมีการเก็บหุ้น BIG เข้าพอร์ตจำนวนมากตั้งแต่ปี 2559 และเลยมาจนถึงต้นปี 2560
แต่ก็มีข่าวว่า กองทุนได้ขายหุ้นออกมา หลังจาก BIG แจ้งงบไตรมาส 1/60
ประเมินกันว่า เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ “กล้อง” ที่เป็นสินค้า “ฟุ่มเฟือย” อาจมียอดขายไม่ดีเท่าไหร่นัก
บทวิเคราะห์ของ บล.กสิกรไทย มองครับว่า การเติบโตของค่าจ้างนอกภาคเกษตรที่ชะลอตัวซึ่งจะกดดันการบริโภคในประเทศ และการพัฒนาของกล้องในสมาร์ทโฟน ก็จะส่งผลกระทบกับยอดขายกล้องถ่ายรูปในอนาคตด้วย
นี่คือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น BIG
บล.กสิกรไทยได้ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้น BIG ลงมาเหลือ 5.10 บาท จาก 6.50 บาท
ส่วน บล.ดีบีเอส ได้ปรับลดประมาณการปี 2560 และปี 2561 ลงในอัตรา 10% และ 9% ตามลำดับ สะท้อนจากยอดขายที่คาดว่าชะลอตัวลงครับ
พร้อมกับปรับราคาเป้าหมายลงจาก 6.10 บาท เหลือ 5.50 บาท
ราคาหุ้น BIG ที่ปิดล่าสุด หากเทียบกับเป้าหมายของโบรกฯ ดูๆ ไปแล้ว ก็มีอัพไซด์พอสมควร
แต่ก็อย่างว่าล่ะ ท่ามกลางภาวะสุ่มเสี่ยงแบบนี้
การปรับพอร์ต และเลี่ยงหุ้นที่ผลประกอบการเป็นขาลงแบบนี้
คือวิธี “ตั้งการ์ด” ให้ตัวเองที่ดีสุด