พาราสาวะถี

เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับการแถลงปิดคดีด้วยวาจาในคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดด้วยข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายนับแสนล้านบาท


อรชุน

เสร็จสิ้นไปแล้วสำหรับการแถลงปิดคดีด้วยวาจาในคดีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดด้วยข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายนับแสนล้านบาท

โดยอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงใช้เวลาแถลงปิดคดี 1 ชั่วโมงเต็ม มีเอกสารที่ใช้แถลงเนื้อหายาวทั้งหมด 19 หน้า ยืนยันว่า ไม่ได้ละเลยหรือเพิกเฉยในการตรวจสอบเมื่อเกิดปัญหาโครงการจำนำข้าว และไม่ได้สมยอมปล่อยให้มีการทุจริตระบายข้าว และชี้ให้ศาลเห็นถึงความบริสุทธิ์และความตั้งใจดำเนินโครงการจำนำข้าวซึ่งเป็นนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐที่ได้แถลงต่อสภา อันมีปมผูกพันให้ต้องปฏิบัติตามและยังได้มีมติครม.ที่สั่งการให้ดำเนินโครงการด้วยความระมัดระวัง พร้อมมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ที่น่าสนใจในถ้อยแถลงดังกล่าวคือการโต้แย้งการชี้มูลความผิดของป.ป.ช.ที่ยิ่งลักษณ์ระบุว่า ข้อกล่าวของป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดและฟ้องของอัยการโจทก์มีพิรุธ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เริ่มกล่าวหาตนด้วยเอกสาร 329 แผ่น ใช้เวลาไต่สวน 79 วัน และเร่งชี้มูลความผิดหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ตนพ้นจากตำแหน่งเพียง 1 วัน

ทั้งที่ข้อกล่าวหาต่อคนอื่นเรื่องทุจริตระบายข้าวยังไม่มีข้อสรุป แล้วยังนำเอกสารกว่า 60,000 แผ่นในสำนวนคดีระบายข้าวเสมือนมาเป็นหลักฐานใหม่ กล่าวหาตนทั้งที่ครั้งแรกในชั้นป.ป.ช.ที่กล่าวหาตนยังไม่มีเอกสารส่วนนี้กระทั่งฟ้องตนแล้วจึงนำมาเสนอศาล ตามมาด้วยช็อตที่ยิ่งลักษณ์สะอื้นโดยกล่าวว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิด

แต่สิ่งที่ทำคือใช้ประสบการณ์ของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดในต่างจังหวัด มีโอกาสได้รับรู้สัมผัสความทุกข์ยากแสนสาหัสของชาวไร่ชาวนา ซึ่งประเทศนี้เคยเรียกว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติและเรียกร้องให้คนไทยทุกคนเกื้อหนุนดูแล และตนก็ได้ทำแล้วในโครงการรับจำนำข้าว แม้การผลักดันนโยบายสาธารณะเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชาวนาครั้งนี้จะทำให้ต้องเจ็บปวดก็ตาม ในการต้องอดทนต่อสู้คดีกับฝ่ายโจทก์ ที่พยายามบิดเบือนและกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม

สุดท้ายก่อนที่ศาลจะตัดสินคดีนี้ จึงใคร่ขอวิงวอนศาลได้โปรดพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพยานหลักฐานที่เข้าสู่สำนวนโดยชอบและโดยสุจริต ไม่รับฟังการชี้นำจากฝ่ายใดๆแม้แต่หัวหน้าคสช.ผู้กุมชะตาและอำนาจรัฐที่พูดชี้นำคนในสังคมเกี่ยวกับคดีของตนเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ถ้าเรื่องนี้ไม่ผิดแล้วจะเข้าสู่กระบวนพิจารณาได้อย่างไร ซึ่งคำพูดนี้เป็นการชี้นำเสมือนว่ามีการกระทำผิดแล้ว ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน จึงขอความเมตตาศาลโปรดพิจารณาพิพากษายกฟ้อง

เป็นการเก็บทุกรายละเอียดสำหรับยิ่งลักษณ์ และหลังจากนี้ก็ต้องรอผลการชี้ชะตาในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรอีกหลังจากที่เสร็จสิ้นการแถลงปิดคดีด้วยวาจา แน่นอนว่า หลังจากนี้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งจากฟากกองเชียร์และฝ่ายกองแช่ง แต่คงจะทำอะไรกันได้ไม่มาก เพราะสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการไปก้าวล่วงหรือชี้นำศาลได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในส่วนของคดีจะชี้นำไม่ได้ แต่ในส่วนอื่นๆก็พบว่าเริ่มมีความเคลื่อนไหวในลักษณะของการชี้ช่องหรือสุมไฟเพื่อให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เห็นชัดๆคือ ถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำม็อบกปปส.ที่บอกว่า เครือข่ายระบอบทักษิณจะใช้ทฤษฎีเคออสป่วน บิดเบือนสร้างกระแสให้สังคมกับความสับสนอลหม่าน

ความจริงคงไม่ต้องไปสะกิดบอกให้ฝ่ายรัฐและฝ่ายความมั่นคง เมื่อมองย้อนกลับไปยังเบื้องหลัง ตั้งแต่ม็อบชัตดาวน์กรุงเทพฯมาจนกระทั่งเกิดการรัฐประหาร คนส่วนใหญ่เขารู้กันอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร จึงไม่รู้ว่าการออกมาแสดงความเห็นของแกนนำม็อบมีเส้นเป็นความหวังดีแต่เจือปนเป้าประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือไม่

ด้วยท่วงทำนองเช่นนี้นี่แหละ ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หากต้องการให้บ้านเมืองเกิดความปรองดองจริง ต้องสั่งการหรือไม่ก็ไปสะกิดให้พวกเดียวกันเอง อย่าพูดอะไรที่เป็นการไปยั่วยุอีกฝั่ง แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากหลายครั้งหลายหน นับตั้งแต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ มาแล้ว การปฏิบัติต่อฝ่ายกปปส.กับนปช.หรือคนเสื้อแดงนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนี้นี่ไง วัฒนา เมืองสุข ผู้ซึ่งท้าทายอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาโดยตลอด ก่อนที่ล่าสุดจะโดนตั้งข้อหาผิดมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นให้คนไปให้กำลังใจยิ่งลักษณ์ จะส่งสัญญาณฝากไปถึงรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ในทำนองเยาะหยันว่าอย่าขวัญอ่อน เพราะการไปให้กำลังใจเป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่ใช่ภัยต่อความมั่นคงอย่างที่กล่าวหากัน ฃ

รวมถึงอย่าใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ จะแสดงให้เห็นว่าประเทศหมดความน่าเชื่อถือ เพราะหน้าที่รัฐคือการอำนวยความสะดวก เพราะเรื่องความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลเป็นเรื่องของศาลไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล หากประชาชนที่มาให้กำลังใจขัดขวางกระบวนการพิจารณาคดี ศาลก็สามารถออกคำสั่งเองได้ เพราะอำนาจแยกแล้วทั้งนิติบัญญัติและตุลาการ พร้อมฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์ว่าไม่เคยศึกษาเรื่องการแบ่งแยกอำนาจการปกครองเลยหรือ

กระนั้นก็ตาม ไม่ว่าฝ่ายไหนจะแสดงท่าทีอย่างไร แต่ท่วงทำนองของ “โหรคมช.” วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ กลับมีนัยทางการเมืองน่าขีดเส้นใต้มากกว่า ยิ่งลักษณ์ไม่หนีออกนอกประเทศ รอดูคำตัดสินศาล เพราะยังมีโอกาส ขยับอะไรได้ ดูแล้วคำพิพากษาศาลไม่น่ามีอะไรทันทีทันใดซึ่งคำตัดสินยุติธรรมต่อทุกฝ่าย หลังจากจุดตรงนี้ หน้าที่ทุกคนคือทำเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ทุกอย่างไปตามโรดแมปไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างที่รู้กันความแม่นของโหรรายนี้เกิดจากข้อมูลอินไซด์ หรือนี่จะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างหรือเปล่า

Back to top button