เปิดชื่อ 18 หุ้นจิ๋ว mai เพียง 7 เดือนกวาดรีเทิร์นทะลุ 20%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจ …
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai ในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-30 ก.ค.60 ซึ่งใช้เกณฑ์การคัดเลือกราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกิน 20% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้จะเห็นว่าบจ.ดังกล่าวให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนมากกว่าตลาด โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลง 8.2% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ระดับ 616.28 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ 565.71 จุด ( 30 ก.ค.60) หรือลบไป 50.57 จุด
สำหรับหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18 บจ. ประกอบด้วย SKY ,THANA ,PICO ,STAR ,OTO ,TMILL ,MOONG ,UKEM ,TMW ,AF ,GCAP ,NETBAY ,HARN ,WINNER ,PDG ,ECF ,PPS และOCEAN
สำหรับ บจ.5 อันดับแรกที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 20% มีดังนี้
อันดับ 1 บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ราคาหุ้นในรอบ 7 เดือนเพิ่มขึ้น 288.89% มาอยู่ที่ระดับ 11.90 บาท (30 ก.ค.) บวกไป 8.84 บาท จากระดับ 3.06 บาท (30 ธ.ค.59)
อย่างไรก็ตามผลประกอบการของ SKY ที่ผ่านมายังไม่เป็นที่ประทับใจนัก โดยในปี 2557 กำไรอยู่ที่ 20.46 ล้านบาท ขณะที่ปี 2558 กำไรลดลงมาที่ 11.97 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2559 กำไรอยู่ที่ 9.28 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าผลประกอบการของบริษัทนั้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาส 1/60 มีกำไรเพียง 0.4 ล้านบาท
อันดับ 2 บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA ราคาหุ้นในรอบ 7 เดือนเพิ่มขึ้น 56.32% มาอยู่ที่ระดับ 2.72 บาท (30 ก.ค.) บวกไป 0.98 บาท จากระดับ 1.74 บาท (30 ธ.ค.59)
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/60 มีกำไร 16.60 ล้านบาท ทั้งนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานในปี 2559 ทั้งปี ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทในไตรมาสถัดไป และทั้งปีจะเติบโตจากปีก่อนอย่างก้าวกระโดด
อันดับ 3 บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO ราคาหุ้นในรอบ 7 เดือนเพิ่มขึ้น 55.90% มาอยู่ที่ระดับ 5.55 บาท (30 ก.ค.) บวกไป 1.99 บาท จากระดับ 3.56 บาท (30 ธ.ค.59)
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/60 มีกำไร 12.04 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญานที่ดีว่าผลประกอบการงวดต่อไปอาจจะเติบต่อจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
อันดับ 4 บริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ STAR ราคาหุ้นในรอบ 7 เดือนเพิ่มขึ้น 53.19% มาอยู่ที่ระดับ 7.20 บาท (30 ก.ค.) บวกไป 2.50 บาท จากระดับ 4.70 บาท (30 ธ.ค.59)
อย่างไรก็ตามผลประกอบการของ STAR ที่ผ่านมายังไม่เป็นที่ประทับใจนัก โดยในปี 2557 ขาดทุน 24.10 ล้านบาท ขณะที่ปี 2558 ขาดทุนเพิ่มมาเป็น 43.10 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2559 ขาดทุน 133.64 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าผลประกอบการของบริษัทนั้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาส 1/60 ขาดทุนสุทธิ 9.95 ล้านบาท
อันดับ 5 บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ OTO ราคาหุ้นในรอบ 7 เดือนเพิ่มขึ้น 44.12% มาอยู่ที่ระดับ 7.35 บาท (30 ก.ค.) บวกไป 2.25 บาท จากระดับ 5.10 บาท (30 ธ.ค.59)
ขณะที่ผลประกอบการที่ผ่านมามีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ลาสุดไตรมาส 1/60 มีกำไร 25.48 ล้านบาท ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทในไตรมาสถัดไป และทั้งปีจะเติบโตจากปีก่อนอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงดังกล่าว ส่วนใหญ่จะได้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่เอื้อให้ผลการดำเนินงานโดดเด่น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังมองเห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการวางแผนธุรกิจของผู้บริหาร อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอาจอยู่ในภาวะแรงซื้อมากเกินไป นักลงทุนก็ต้องระวังการเข้าลงทุนไว้ด้วย ขณะที่ต้องดูค่า P/E เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงเกินไปหรือไม่
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน