“ธนชาต” ลั่นฟ้องกลับแพ่ง-อาญา EARTH กล่าวหาไร้ข้อเท็จจริง!
"ธนชาต" ลั่นฟ้องกลับแพ่ง-อาญา EARTH กล่าวหาไร้ข้อเท็จจริง จนเป็นเหตุให้ธนาคารเกิดความเสียหายต่อการดำเนินธุรกิจ
ตามที่บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า มีสถาบันการเงินแห่งหนึ่งได้นำข้อมูลความลับของ EARTH ไปเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย และได้มีการแถลงข่าวต่อสาธารณชนวานนี้ (8 ส.ค.) ว่า EARTH ได้ยื่นฟ้องธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) พร้อมเรียกค่าเสียหาย เหตุนำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินไปเปิดเผยทำให้ EARTH ถูกอายัดเงินนั้น
ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของประเทศที่ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก การกล่าวหาของ EARTH ทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย จึงใครขอชี้แจงดังนี้
1.ธนาคารธนชาตยังไม่ได้หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจากศาลแต่ประการใด
2.คำแถลงข่าวของ EARTH ที่กล่าวหาธนาคารฯ ผ่านการแถลงข่าวนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง จึงของปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง เพราะธนาคารฯ ไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา ธนาคารฯ ยืนยัน มีนโยบายขั้นตอน วิธีการที่ชัดเจน และเข้มงวด ด้วยมาตรฐานระดับสูงในการดูและรักษาความลับของลูกค้า
3.ธนาคารฯ ไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือปล่อยกู้ให้กับ EARTH ธนาคารณเป็นเพียงผู้รับฝากเงินของ EARTH เท่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนที่ EARTH กล่าวอ้างเรียกร้อง
4.ธนาคารฯ อายัดบัญชีเงินฝากของ EARTH เป็นการปฎิบัติตามคำสั่งชองศาล
5.การที่ EARTH แถลงข่าว/ทำ Press Release และถ่ายทอดสดทาง Facebook Live พาดพิงธนาคารธนชาตในทางเสียหายนั้น ธนาคารฯสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฏหมายต่อ EARTH ทั้งทางแพ่งและอาญาต่อไป
อนึ่งนายขจรพงศ์ คำดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยในงานแถลงข่าววานนี้ (8 ส.ค.) ว่า บริษัทได้ฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาละเมิดต่อ “ธนาคารธนชาต” เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 6 หมื่นล้านบาท
เนื่องจากธนาคารธนชาตได้นำข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของบริษัทไปเปิดเผยต่อธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จนเป็นเหตุให้ KTB ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขออายัดเงินของ EARTH ที่อยู่ในบัญชีเงินฝากของธนาคารธนชาต จำนวน 800 ล้านบาท
โดยเงินฝากจำนวนดังกล่าว เป็นเงินที่บริษัทเตรียมจะโอนไปยังประเทศจีนเพื่อใช้สำหรับดำเนินธุรกิจซื้อขายถ่านหินให้กับคู่ค้าในจีนและขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปได้
ดังนั้น นายขจรพงศ์จึงประกาศหาแนวร่วมจากผู้ถือหุ้นเพื่อร่วมมือฟ้องธนาคารธนชาต ที่เผยแพร่ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของบริษัท จนทำให้ธุรกิจของบริษัทหยุดชะงักและไม่สามรถขับเคลื่อนต่อไปได้