เคาะ 10 หุ้นเทรนด์ดี SET ผันผวน ตลาดโลกกังวลเกาหลีเหนือตึงเครียด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังผันผวน ขณะที่ความไม่แน่นอนตลาดหุ้นโลกเพิ่มสูงขึ้นจากความกังวลต่อปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนอาจชะลอการลงทุนในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างประเทศ การลงทุนเน้นกลุ่มที่กำไรไตรมาส 2/60 และครึ่งปีหลังออกมาดีเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.23 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับแรงกดดันหลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืน และปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังผันผวน ขณะที่ความไม่แน่นอนตลาดหุ้นโลกเพิ่มสูงขึ้นจากความกังวลต่อปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนอาจชะลอการลงทุนในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างประเทศ การลงทุนเน้นกลุ่มที่กำไรไตรมาส 2/60 และครึ่งปีหลังออกมาดีเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก KCE, SGP, TOP, ESSO, KKP, SPRC, LH, WORK, ERW และ BEAUTY

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (11 ส.ค.) คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ปรับตัวลงทั่วหน้า จากสถานการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯกดดัน ซึ่งล่าสุดทางเกาหลีเหนือมีแผนจะยิงขีปนาวุธไปที่เกาะกวม ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ภายใต้ปกครองของสหรัฐฯ

ส่วนปัจจัยในประเทศ ผลประกอบการที่ออกมาคละเคล้ากัน แต่เชื่อว่านักลงทุนคงจะชะลอการลงทุน เนื่องจากจะมีวันหยุดระยะยาวในสัปดาห์นี้ 3 วันติดต่อกัน พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในคืนนี้ โดยเป็นตัวที่จะดูถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนผลของ MSCI quarterly review ออกมาแล้วไม่มีหุ้นไทยเลย พร้อมให้แนวรับ 1,5965 – 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,574 – 1,575 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) ว่า ความไม่แน่นอนตลาดหุ้นโลกเพิ่มสูงขึ้น DowJones -0.93%เมื่อคืนนี้ จากความกังวลต่อปัญหาความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างทองคำ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินเยน ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ปรับลดลงใกล้ 2.2% ต่ำสุดตั้งแต่ มิ.ย. ที่ผ่านมา แม้ SETดูมีความเสี่ยงจากแรงกดดันตลาดหุ้นโลกเพิ่มขึ้น แต่เนื่องด้วยตลาดหุ้นไทย underperform ตลาดหุ้นโลกมากตั้งแต่ต้นปีทำให้มอง Downside Risk จำกัด และมองการอ่อนตัวมาที่แนวรับเป็นโอกาส “ซื้อ”

แนะนำ 1) “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่คาดการณ์กำไรฟื้นตัวในช่วง 2H17 แนะนำ “ซื้อ” KCE SGP (มี Inventory loss ใน 2Q17 ทำให้ขาดทุน 66 ล้านบาท แต่จะฟื้นตัวแกร่งในช่วง 2H17 ได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีนำเข้า และลอยตัวราคาก๊าซ LPG ปันผลกลางปี 0.50 บาท หรือ 3.2%) TOP ESSO

2) “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง อย่าง KKP (ปันผล 9%) SPRC (ปันผล 9.3%) และ LH (ปันผล 6.6%) คาดว่าจะมี downside protection ที่ดีต่อความผันผวนตลาดหุ้นโลกที่เพิ่มขึ้น และ 3) “ซื้อ” WORK กำไร 2Q17 ที่ 373 ล้านบาท +178% yoy ดีกว่าคาดมาก

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (11 ส.ค.) วาง Filter แนวรับที่ 1,565 จุด เป็นจุดสังเกต กรณียืนได้ยังแนะนำถือพอร์ต แต่กรณียืนไม่ได้แนะนำลดพอร์ลงประมาณ 15 – 20 % เพื่อจำกัดความเสี่ยงจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างประเทศ แนะนำซื้อหลักทรัพย์ที่รายงานงบ Q2/60 ดี และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในครึ่งปีหลัง เช่น ERW และ BEAUTY

Back to top button