เคาะ 8 หุ้นตัว TOP ลุ้นหุ้นพลังงานพยุง SET

ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามภาพรวมตลาดโลกซึ่งยังอ่อนแอต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความเสี่ยงทิศทางเงินทุนจะไหลออก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอาจส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงานซึ่งจะเป็นตัวช่วยพยุงดัชนีวันนี้ การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33203 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสลับอยู่ในแดนบวกและลบ ส่วนตลาดที่ปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่ได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามภาพรวมตลาดโลกซึ่งยังอ่อนแอต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความเสี่ยงทิศทางเงินทุนจะไหลออก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอาจส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงานซึ่งจะเป็นตัวช่วยพยุงดัชนีวันนี้ การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น และกลุ่มที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังออกมาดี หุ้นเด่นเลือก PTT, PTTEP, LANNA, TTA, PSL, KKP, SPRC และ LH

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (21 ส.ค.) คาดว่าจะอ่อนตัวลง โดยเชื่อว่าดัชนีจะยังไม่ไปไหนไกล เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะกลับมาแข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond yield) ยังสูงต่อไป ส่งผลให้มีความเสี่ยงทิศทางเงินทุนจะไหลออกได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดเช้านี้อาจได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้าง แต่ในกรณีที่ยังไม่ผ่าน 1,570 จุด ยังมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงอยู่

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยวันนี้แนะนำให้เลือกลงทุนหรือเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัวที่มีโอกาสได้ประโยชน์ในระยะถัดไป อย่างราคาถ่านหินฟื้นตัว แนะนำ LANNA, ค่าระวางเรือฟื้น แนะนำ TTA, PSL เป็นต้น พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,570 – 1,560 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ส.ค.) ว่า Sentiment ตลาดหุ้นโลกอ่อนแอต่อเนื่อง Dow Jones -0.35% จากความไม่มั่นใจต่อเสถียรภาพการเมือง และนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ มอง Downside Risk ของ SET ที่บริเวณแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน 1,552 – 1,555 จุด ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ 1) GDP 2Q17 วันนี้ 2) ถ้อยแถลงนโยบายการเงิน Fed และ ECB ที่ Jackson Hole วันที่ 25 ส.ค. 3) ศาลฯอ่านคำตัดสินโครงการจำนำข้าววันที่ 25 ส.ค.

แนะนำ 1) “ซื้อ” กลุ่มหุ้นปันผลสูง มองดอกเบี้ยต่ำนาน : “ซื้อ” KKP  (คาดประกาศปันผลปลายสัปดาห์นี้ 2 บาท/หุ้น หรือ 3%) CPNRF (การแปลงสภาพเป็น REIT จะทำให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2018 – 19 เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 – 9.3%) SPRC (XD 0.4621 บาท/หุ้น วันที่ 23 ส.ค. คิดเป็น yield 2.8%) LH (XD 0.4 บาท/หุ้น วันที่ 23 ส.ค. คิดเป็น yield 3.9%)

2.”เก็งกำไร” PTT แม้ราคาหุ้นสูงว่าเป้าหมายพื้นฐานที่ 350 บาท แต่ราคาหุ้น Laggard กลุ่มโรงกลั่นในช่วงที่ผ่านมา พร้อมเกิดสัญญาณ Golden Cross ทางเทคนิค เป้าหมายระยะสั้น 396 บาท

บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ส.ค.) ว่า ภายใต้ปัจจัยกดดันจากประเด็นเดิม ซึ่งทำให้ตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ ทั้งจากเหตุการณ์ก่อการร้าย ในกรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงตลาดหุ้น และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถผลักดันมาตรการต่างๆ ตามที่เคยหาเสียง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดส่งผลให้เงินดอลลาร์อยู่ในทิศทางที่อ่อนค่า อย่างไรก็ตามคาดส่งผลดีต่อทิศทางเงินลงทุนจากต่างชาติ

นอกจากนี้แนะติดตาม การส่งสัญญาณของเฟดปรับลดงบดุลจากระดับปัจจุบันที่ 4.5 ล้านล้าน USD ที่คาดจะประกาศในเดือนก.ย. นี้ (ประชุมเฟด 19 – 20/9/60) ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ ไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ โดย Fund Flow ภาพรวมคาดยังมีความผันผวน จากแรงซื้อ/ขายสุทธิสลับกัน โดย YTD ยอดซื้อสุทธิสะสม อยู่ที่ 3,269 ล้านบาท ขณะที่เงินบาท ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในรอบเกือบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม คาดราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น กลับมาส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เป็นต้น

Back to top button