BCH ส่งซิกครึ่งปีหลังโตสนั่น! รับธุรกิจไฮซีซั่น-ค่าหัวประกันสังคมหนุน
BCH ฉายแววเด่น ส่งซิกครึ่งปีหลังโตสนั่น! รับธุรกิจไฮซีซั่น-ค่ารักษาประกันสังคมหนุน ฟากโบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” อัพไซด์ยังเหลือ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวานนี้ (22 ส.ค.) ปิดที่ 14.40 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.70% ด้านมูลค่าซื้อขาย 187.72 ล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 13.70 บาท ณ วันที่ 10 ส.ค.60 นอกจากนี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 16.40 บาท อยู่ 13.89%
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้น คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วง High season จากจำนวนผู้ป่วยเข้าใช้บริการหนาแน่นกว่าปกติ นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นค่ารักษาประกันสังคมจากเดิมปีละ 1,460 บาทต่อคน เป็น 1,500 บาทต่อคนอีกด้วย
ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BCH ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท/หุ้น โดยกำไรไตรมาส 2/60 อยู่ที่172ลบ. เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน , เพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อน โดยงวดไตรมาส 2/60 รายได้กิจการรพ.อยู่ที่ 1,676ลบ. เพิ่มขึ้น 9.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน , เพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสก่อน หลักๆมาจากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ (หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) และการแพร่ระบาดของโรคต่างๆอาทิ ไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก จึงส่งผลให้ผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการสูง
นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกจากเป็นช่วง High season ผู้ป่วยเข้าใช้บริการหนาแน่นกว่า และการปรับขึ้นค่ารักษาประกันสังคม (เริ่ม 1ก.ค.) อีกทั้งคาดจะรับรู้รายได้พิเศษประกันสังคม (Rw<2) เข้ามาทั้งในไตรมาส 3 และไตรมาส 4
ขณะที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท/หุ้น โดยมองว่า BCH จะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัวจากเดิม 1,460 บาท เป็น 1,500 บาท อีกทั้งโรงพยาบาลในเครือส่วนใหญ่ก็ได้รับ HA (Hospital Accreditation) ระดับ 3 ซึ่งจะทำให้ได้รายได้ประกันสังคมเพิ่มอีกหัวละ 80 บาท
สำหรับค่าบริการที่เพิ่มในส่วนของ IPD ที่ 1 < RW < 2 และ 26 โรคเรื้อรัง รวมทั้ง IPD ที่ RW > 2 นอกจากนี้ประกันสังคมมีการเลื่อนจ่ายค่าบริการในไตรมาส 2/60 โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าจะรับรู้เข้ามาในไตรมาส 3/60 ประกอบกับการโปรโมท WMC มากขึ้น จากผู้สำรวจความสุขที่กำลังจะเริ่มงานในไตรมาส 3/60
นอกจากนี้ บอร์ดมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก ที่ 0.08 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend yield สำหรับงวดนี้ที่ 0.58% ขึ้น XD วันที่ 28 ส.ค. นี้ จ่ายปันผลวันที่ 13 ก.ย.60
ส่วนบล.เออีซี ระบุในบทวิเคราห์ แนะนำ “ซื้อ” BCH ราคาเป้าหมาย 16 บาท/หุ้น โดยคาดช่วงครึ่งปีหลังนี้กำไรโตสดใสทั้งจากครึ่งปีแรกและจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนต่อเนื่องฤดูหนาว (High Season) ทำให้มีการระบาดของโรคตามฤดูกาล อาทิ ไข้หวัด ไข้เลือดออก และมือเท้าปาก เป็นต้น หนุนให้มีผู้ป่วยมาใช้บริการสูง
อีกทั้งตั้งแต่ 1 ก.ค. 60 BCH จะเริ่มรับรู้ค่าเหมาจ่ายที่ปรับขึ้นจากเดิมปีละ 1,460 บาทต่อคน เป็น 1,500 บาทต่อคน และยังมีโอกาสได้ค่ารักษาผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูงเพิ่มขึ้น เนื่องจากมี รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น เป็น Supra Contractor ที่รับรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคซับซ้อนรุนแรงที่ส่งต่อมาจากสถานพยาบาลอื่นที่ไม่สามารถรักษาได้ ทำให้ช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดรายได้ประกันสังคมจะโตเด่นและมีมาร์จิ้นดีขึ้นจากผลการประหยัดต่อขนาด หนุนให้ปี 2560 คงคาด BCH จะมีกำไรสุทธิ 921 ล้านบาท เติบโต 22.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในปี 2561