ล้มทั้งยืน! 40 หุ้น SET-mai งบฯ Q2 พลิกขาดทุนยับ
ล้มทั้งยืน! 40 หุ้น SET-mai งบฯ Q2/60 พลิกขาดทุนยับ STPI, TPIPL, TPA, UBIS, ESSO นำทีม
ช่วงนี้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประกาศงบไตรมาส 2/60 เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลผลงานแต่ละบริษัทมานำเสนอ โดยครั้งนี้คัดเลือกกลุ่มหุ้นที่พลิกขาดทุนมานำเสนอเป็นหลัก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเข้าลงทุน
สำหรับบริษัทที่พลิกขาดทุนในไตรมาส 2/60 มีทั้งหมด 40 ตัวคือ STPI, TPIPL, TPA, UBIS, ESSO, GJS, SMT, SAMART, BTW, SRICHA, SGF, ZMICO, AMC, MJD, PHOL, SOLAR, SGP, S, AKP, TRT, BJCHI, VTE, K, APX, BAT-3K, TVD, SAM, MPIC, PERM, PAP, TCC, GEL, ROCK, OCEAN, ROJNA, TRU, CGH, SR, NCL และ KOOL ดังตารางประกอบดังนี้
อย่างไรก็ตามการเสนอข้อมูลหุ้นกลุ่มดังกล่าวไม่สามารถนำข้อมูลมาเสนอได้ครบทุกตัว ดังนั้นครั้งนี้จึงขอคัดเลือกหุ้นที่พลิกขาดทุนมากสุด 5 อันดับแรกมานำเสนอเท่านั้น
อันดับ 1 คือ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ดำเนินธุรกิจงานแปรรูปและติดตั้งโครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) ระบบท่อ (Piping) โรงงานสำเร็จรูป (Module) และ ผลิตภัณฑ์เหล็กอื่น ๆ (Other Steelwork) ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาคาร รวมทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 โดยกำไรไตรมาส 2/60 พลิกขาดทุน 1,931.07 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 571.84 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนพลิกขาดทุน 2,161.85 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 1,148.64 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่พลิกขาดทุน เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการรับจ้างผลิต การขายและบริการลดลง รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น
อันดับ 2 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ และเม็ดพลาสติค LDPE/EVA โดยร่วมทุนในธุรกิจแอมโมเนียมไนเตรทและกรดไนตริก และมีการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเหล็กและธุรกิจประกันชีวิตฃ
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 โดยกำไรไตรมาส 2/60 พลิกขาดทุน 652.97 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 236.18 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนพลิกขาดทุน 441.71 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 458.73 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่พลิกขาดทุน เนื่องจากต้นทุนขาย และค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น
อันดับ 3 บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยางยาแนวฝากระป๋อง และแลคเกอร์เคลือบกระป๋อง เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตภาชนะ กระป๋องโลหะ และฝาโลหะ ในการบรรจุอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 โดยกำไรไตรมาส 2/60 พลิกขาดทุน 293.09 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 31.05 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนพลิกขาดทุน 271.51 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 45.78 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่พลิกขาดทุน เนื่องจากบริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากสัญญาที่เป็น โมฆะจำนวน 320 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับชำระหนี้ตามงวดที่ถึงกำหนดชำระจากบริษัท อาร์ เอฟวิชั่น จํากัด ฝ่ายบริหารจึงประเมินว่าสถานการณ์ในการชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงความตั้งใจและความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้และผู้ค้ำประกันดังกล่าวในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสำคัญจากที่ได้เคยประเมินไว้
อันดับ 4 บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เป็นผู้ประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียม และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบครบวงจร (integrated) อีกทั้งบริษัทฯ ทำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่นๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และเคมีภัณฑ์อื่นๆ ที่บริษัทฯ ผลิตให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ และเพี่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศ
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 โดยกำไรไตรมาส 2/60 พลิกขาดทุน 293.09 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 31.05 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนพลิกขาดทุน 271.51 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 45.78 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่พลิกขาดทุน เนื่องจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน เปรียบเทียบกับกำไรจากสต็อกน้ำมันของไตรมาสเดียวกันปีก่อน และผลจากการซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามแผน
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ “ซื้อ” ESSO ให้ราคาเป้าหมายที่ 17 บาทต่อหุ้น มองเป็นอีก Laggard play ในกลุ่มโรงกลั่น โดยราคาหุ้น ESSO อ่อนแอกว่ากลุ่มโรงกลั่นมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสะท้อนจากการปิดโรงกลั่นบางส่วนในไตรมาส 2/60 และผลการดำเนินงานที่อ่อนแอไปแล้ว
ทั้งนี้คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ได้รับผลดีจากค่าการกลั่นสูง US$8/bbl โดยตรง และไม่มีการปิดโรงงานเหมือนกับในไตรมาส 2/60 นอกจากนี้การประชุม PTG เมื่อวานนี้มองค่าการตลาดมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/60 ซึ่ง ESSO จะได้ผลดีจากธุรกิจสถานีบริการน้ำมันเช่นเดียวกัน
ขณะที่ Valuation ที่ PE17 ต่ำกว่า 6 เท่า มองว่าถูกเกินไป ส่วนการล้างขาดทุนสะสมหมดในไตรมาส 3/60 จะยิ่งทำให้ ESSO มีความน่าสนใจมากขึ้นจากแนวโน้มกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยคาดการณ์ผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.2% ปีนี้ และ 10% ปีหน้า
อันดับ 5 บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GJS ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสายผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้ 1. เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน 2. เหล็กแผ่นรีดร้อนปรับสภาพผิวชนิดม้วน 3. เหล็กแผ่นรีดร้อนล้างผิวและเคลือบน้ำมัน
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 โดยกำไรไตรมาส 2/60 พลิกขาดทุน 233.50 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 183.30 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนมีกำไร 733.76 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 138.04% จากปีก่อนมีกำไร 308.26 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวพลิกขาดทุน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของเหล็กแผ่นรีดร้อนในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 17,403 บาท/ตัน ลดลงร้อยละ 7 จากราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 1/60 เป็นผลมาจากราคาขายที่ทรุดตัวลงตามราคาเหล็กแผ่นในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน