สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 29 ส.ค.60


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีท่าทีระมัดระวังการใช้ถ้อยคำในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,865.37 จุด เพิ่มขึ้น 56.97 จุด หรือ +0.26% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,301.89 จุด เพิ่มขึ้น 18.87 จุด หรือ +0.30% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,446.30 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.08%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) โดยดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน หลังจากเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวานนี้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 368.42 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.พ.

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,031.92 จุด ลดลง 47.83 จุด หรือ -0.94% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,337.43 จุด ลดลง 64.03 จุด หรือ -0.87% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,945.88 จุด ลดลง 177.59 จุด หรือ -1.46%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) จากปัจจัยความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวานนี้

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 64.03 จุด หรือ -0.87% ปิดที่ 7,337.43 จุด

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลง สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” ที่ทำให้โรงกลั่นหลายแห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดดำเนินงานนั้น ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐอาจชะลอตัวลง

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 46.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 52.00 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงเช้าวานนี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,318.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 11 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.ปีที่แล้ว

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.5 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 17.426 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 14.20 ดอลลาร์ หรือ 1.44% เพิ่มขึ้น 1003.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 11.35 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 943.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) สืบเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธลอยข้ามประเทศญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากกระแสวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” ซึ่งพัดถล่มรัฐเท็กซัส และสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1993 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1980 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2928 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2941 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7963 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7971 ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.57 เยน จากระดับ 109.11 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9534 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9550 ฟรังก์สวิส

Back to top button