รวม 16 หุ้นพารวยรีเทิร์นชนะตลาด-พ่วง P/E ต่ำกว่า 10 เท่า
รวม 16 หุ้นสุดฮิตติดลมบน พานักลงทุนรวยอื้อ! หลังรีเทิร์นชนะตลาด ฟากราคาหุ้นมีสิทธิ์ขึ้นต่อรับ P/E ต่ำกว่า 10 เท่า
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-30 ส.ค.60 ซึ่งใช้เกณฑ์การคัดเลือกราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเกิน 20% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้จะเห็นว่าบจ.ดังกล่าวให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนมากกว่าตลาด โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 4.74% โดยเทียบจากดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค.59) มาอยู่ที่ 1,616.16 จุด ( 31 ส.ค.60) หรือบวกไป 73.33 จุด
นอกจากนี้ยังใช้เกณท์คัดเลือก บจ.ที่มีอัตราส่วนราคาหุ้นเทียบกับกำไรต่อหุ้น (P/E) ณ ปัจจุบัน (4 ก.ย.60) ต่ำกว่าตลาดซึ่งอยู่ที่ 17.36 เท่า (ณ วันที่ 4 ก.ย.60) เพื่อแสดงให้เห็นว่า บจ.ใดที่ราคาหุ้นขณะนี้ยังถูกอยู่ และยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อีก
สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวประกอบด้วยSPRC ,TOP ,TISCO ,PTTGC , KKP ,EGCO , IVL ,BBL ,INTUCH ,KBANK ,TMB ,RATCH , GLOW ,PTT ,TCAP และKTB
โดย บจ.5 อันดับแรกที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 20% มีดังนี้
อันดับ 1 บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ราคาหุ้นในรอบ 8 เดือนเพิ่มขึ้น 34.68% มาอยู่ที่ระดับ 16.70 บาท (30 ส.ค.) บวกไป 4.30 บาท จากระดับ 12.40 บาท (30 ธ.ค.59) ฟาก P/E ล่าสุด ณ วันที่ 4 ก.ย.60 อยู่ที่ 9.44 เท่า
ด้าน บล.ซีไอเอ็มบี แนะนำ “ซื้อ” SPRC ราคาเป้าหมาย 19 บาท/หุ้น โดยคิดว่าตลาดประเมินแนวโน้มรายได้ของ SPRC ต่ำเกินไปในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งมีการเติบโต 20% จากไตรมาสก่อน ของ GRM เป็น US$9/bbl ในไตรมาส 3/60
ด้านปัจจัยผลักดัน GRM ที่แข๊งแกร่งของ SPRC คือ gasoline-Dubai spread ที่เพิ่มขึ้น US$4/bbl ใน ไตรมาส 3/60
ทั้งนี้ GRM จะสามารถเติบโตได้เพิ่มเติมอีกจาก diesel-Dubai spreads ที่สูงขึ้น US$2/bbl qoq ใน ไตรมาส 3/60 ซึ่งคาดว่าจะสามารถคงอยู่ระดับนี้ในไตรมาส 4/60 เนื่องจากแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ด้านปริมาณที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนเป็น 165kbpd หลังจากที่โรงกลั่นถูกปิดในไตรมาส 2/60 จะเป็นปัจจัยผลักดันรายได้เช่นกัน ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท (6x CY18 EV/EBITDA อยู่ที่ระดับเดียวกับ TOP) ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบจาก GRM ที่สูงขึ้นของ SPRCเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งของบริษัท
อันดับ 2 บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ราคาหุ้นในรอบ 8 เดือนเพิ่มขึ้น 30.45% มาอยู่ที่ระดับ 94.25 บาท (30 ส.ค.) บวกไป 22 บาท จากระดับ 72.25 บาท (30 ธ.ค.59) ฟาก P/E ล่าสุด ณ วันที่ 4 ก.ย.60 อยู่ที่ 9.90 เท่า
ด้าน บล.เคจีไอ แนะนำ “Neutral” TOP ราคาเป้าหมาย 96 บาท/หุ้น ทั้งนี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2560/61 ขึ้นอีก 6%/3% หลังจากที่ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราการกลั่นน้ำมันดิบขึ้นอีกปีละ 5KBD เป็น 308KBD ในปี 2560 และ 309KBD ในปี 2561 ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายครึ่งปีหลังของปี 61 เป็น 96.00 บาท จากเดิม 94.00 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับประมาณการราคาขึ้น โดยอิงจาก EV/EBTIDA ที่ 6.5 เท่า
อย่างไรก็ตามได้ปรับลดคำแนะนำลงจากซื้อเป็นถือ เนื่องจากราคาหุ้นเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราอีกไม่มากแล้ว ดังนั้นเราจึงถอน TOP ออกจากรายชื่อหุ้นเด่น โดยแนะนำให้เปลี่ยนไปถือ Bangchak Corporation (BCP.BK/BCP TB) แทน เพราะมองว่าราคาหุ้น TOP วิ่งขึ้นมาเร็วเกินไป และบริษัทอาจจะเลื่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้าย (FID) ของโครงการ CFP จากกำหนดเดิมที่ไตรมาส 4/60 ไปเป็นไตรมาส 2/60 แทน
อันดับ 3 บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ราคาหุ้นในรอบ 8 เดือนเพิ่มขึ้น 24.07% มาอยู่ที่ระดับ 74.75 บาท (30 ส.ค.) บวกไป 14.50 บาท จากระดับ 60.25 บาท (30 ธ.ค.59) ฟาก P/E ล่าสุด ณ วันที่ 4 ก.ย.60 อยู่ที่ 10.73 เท่า
โดยราคาหุ้น TISCO เริ่มปรับตัวขึ้นแรงหลังจากรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 และงวด 6 เดือน 2560 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 1.50 พันล้านบาท ปรับตัวขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.21 พันล้านบาท
อันดับ 4 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาหุ้นในรอบ 8 เดือนเพิ่มขึ้น 21.43% มาอยู่ที่ระดับ 76.50 บาท (30 ส.ค.) บวกไป 13.50 บาท จากระดับ 63 บาท (30 ธ.ค.59) ฟาก P/E ล่าสุด ณ วันที่ 4 ก.ย.60 อยู่ที่ 9.37 เท่า
ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในกลุ่มโรงกลั่น เลือก PTTGC เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม จากแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรในงวดไตรมาส 3 และ 4 จาก Volume ที่จะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงทั้งในส่วนของปิโตรฯและโรงกลั่น โดยจะได้ปัจจัยหนุนเพิ่มจาก Spread ปิโตรเคมีที่ฟื้นตัวจามราคาน้ำมันดิบ โดยราคามี Upside เหลือให้เก็งกำไรมากกว่าหุ้นอื่นๆในกลุ่ม อีกทั้งผลตอบแทนเงินปันผลก็อยู่ในระดับที่ดี โดยคาดไว้ที่ 3%
ส่วนอันดับ 5 ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ราคาหุ้นในรอบ 8 เดือนเพิ่มขึ้น 19.07% มาอยู่ที่ระดับ 70.25 บาท (30 ส.ค.) บวกไป 11.25 บาท จากระดับ 59 บาท (30 ธ.ค.59) ฟาก P/E ล่าสุด ณ วันที่ 4 ก.ย.60 อยู่ที่ 10.27 เท่า
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน