สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ก.ย.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง กว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความล่าช้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,753.31 จุด ร่วงลง 234.25 จุด หรือ -1.07% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,375.57 จุด ลดลง 59.76 จุด หรือ -0.93% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,457.85 จุด ลดลง 18.70 จุด หรือ -0.76%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ หลังจากที่ได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันหลังจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของยูโรโซนชะลอตัวลงในเดือนส.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.1% ปิดที่ 373.71 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,086.56 จุด ลดลง 17.41 จุด หรือ -0.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,372.92 จุด ลดลง 38.55 จุด หรือ -0.52% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,123.71 จุด เพิ่มขึ้น 21.50 จุด หรือ +0.18%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) จากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สืบเนื่องจากความวิตกในสถานการณ์ตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลภาคบริการที่อ่อนแอของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 38.55 จุด หรือ -0.52% ปิดที่ 7,372.92 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น เกือบ 3% เมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า โรงกลั่นน้ำมันบางแห่งในแถบอีสต์โคสต์ได้เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง หลังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า รัสเซียและซาอุดิอาระเบียกำลังเจรจากันเกี่ยวกับการขยายเวลาข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 48.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 53.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จากความกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธครั้งใหม่ หลังจากที่ได้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 14.10 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ระดับ 1,344.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2016
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.5 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 17.941 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดทรงตัวที่ 1,009 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 20.10 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 957 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) จากกระแสความวิตกสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ภายหลังจากเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ขณะที่ล่าสุดมีรายงานว่า เกาหลีเหนือได้ทำการเคลื่อนย้ายระบบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ไปทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ ซึ่งคาดว่าเกาหลีเหนืออาจเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลดังกล่าวในเร็วๆนี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1905 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1867 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3027 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2955 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7990 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7970 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 108.79 เยน จากระดับ 110.23 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9555 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9649 ฟรังก์สวิส