เคาะ 10 หุ้นเด่น SET เทคนิคสวย ลุ้นปรับขึ้นสวนทางตลาด ตปท.
ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งไซด์เวย์และมีโอกาสปรับขึ้นสวนทางตลาดต่างประเทศ ด้านเทคนิคยังดีหลังดัชนีสามารถทะลุ 1,600 จุด ขึ้นไปได้ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังช่วยประคองตลาด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.14 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ รวมทั้งความวิตกกังวลที่ว่าการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ อาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงมากขึ้น
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้แกว่งไซด์เวย์และมีโอกาสปรับขึ้นสวนทางตลาดต่างประเทศ ด้านเทคนิคยังดีหลังดัชนีสามารถทะลุ 1,600 จุด ขึ้นไปได้ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังช่วยประคองตลาด หุ้นเด่นเลือก PTT, IRPC, ESSO, PTTGC, TOP, SPRC, AMATA, WHA, STEC และ SGP
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (6 ก.ย.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ และอาจจบวกได้เล็กน้อย อาจสวนทางตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลง โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลง เนื่องจากมีความวิตกกับสถานการณ์เกาหลีเหนือ ที่อาจมีการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ หลังได้ทำการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนเป็นผลสำเร็จ ทำให้นักลงทุนกังวลว่าหากเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธจริงแล้วจะมีการตอบโต้หรือไม่
ส่วนตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติไม่ได้เข้ามาลงทุนมากนัก และในทางเทคนิคยังดีหลังจากที่ดัชนีสามารถทะลุแนว 1,600 จุด ขึ้นไปได้ ซึ่งหุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังช่วยประคองตลาดไว้ จากคาดหวังแนวโน้มจะดีขึ้น พร้อมให้แนวรับ 1,615 – 1,610 จุด ส่วนแนวต้าน 1,625 – 1,630 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ย.) ว่า ความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดเกาหลีเหนือกดดัน Dow Jones ปรับลดลง -1.07% เมื่อคื่นนี้ แต่มองผลกระทบต่อตลาดหุ้นภูมิภาค “จำกัด” เนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยเกาหลีเหนือตั้งแต่ต้นสัปดาห์ไปแล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent +2.0% เมื่อคืนนี้ รับโรงกลั่นสหรัฐฯ กลับมาผลิตอีกครั้งหลังผลกระทบจากพายุฮาร์วีย์อ่อนแรงไปแล้ว ขณะที่ค่าการกลั่น (GRM) ล่าสุดยังสูง US$10.1/bbl ทำให้เราคงมุมมองบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น และแนะนำ “ซื้อ” PTT, IRPC, ESSO, PTTGC, TOP, SPRC ต่อไป
การสร้างฐานอาจดำเนินต่อไป แต่เป็นโอกาส “ซื้อ” 1) “ซื้อ” CPNRF และ DIF ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2018 สูง 7-8.2% ทั้งนี้เรามีมุมมองดีขึ้นต่อกลุ่ม Asset Funds จากแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศต่ำนานไปถึงปี 2019 ขณะที่ล่าสุด Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 2.06% ทำให้ yield gap ดูน่าสนใจมากขึ้น และ 2) “ซื้อ” กลุ่มนิคมฯ และรับเหมาฯ อย่าง AMATA, WHA, STEC มองการเมืองมีเสถียรภาพหนุนการลงทุนโรงสร้างพื้นฐาน-พัฒนา EEC ต่อเนื่อง
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ย.) วางแนวรับที่ 1,610 – 1,615 จุด กรณียืนได้โมเมนตัมตลาดยังคง Sideway Up ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,630 – 1,640 จุด แนะนำเก็งกำไรกลุ่มรับเหมา (+ ประมูลรถไฟรางคู่สายลพบุรี – ปากน้ำโพ สัญญา 1) และ SGP (+ การปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG)