สตง. ถ่วงโลก ?

*การแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีในเที่ยวนี้ยังไม่มีอะไรตื่นเต้น จนต้องลิงโลดไปกับอารมณ์ของตลาดหุ้น เพราะเอาเข้าจริงยังเป็นเพียงแค่การเล่นสั้นๆ ไม่ได้จริงจังกับตลาดหุ้นไทยเหมือนเช่นที่ผ่านมา ส่งผลให้การทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,621.30   จุด บวกไป 0.88 จุด ด้วยมูลค่า 4.91 หมื่นล้านบาท โดยกองทุนตัวแสบเข้ามาเก็บหุ้น 1.71 พันล้านบาท ทั้งที่วันก่อนขายหุ้นทิ้งไป 1.72 พันล้านบาท  มันสื่อให้เห็นอะไรบ้าง ก็รู้ๆกันอยู่นะจะบอกให้

*งานนี้ไม่มีความจำเป็นต้องไปทบทวนเรื่องราวให้เสียเวลาเคาะขวา เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นจนชินตา แถมรูปแบบการเข้าทำของนักเล่นแต่ละกลุ่มก็ยังเหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงไม่อยากเสียเวลากับการมองดูดัชนีวันต่อวัน เพราะการขึ้นแรงๆ เที่ยวก่อนก็เป็นเพียงการปิดสัญญาบนตลาด TFEX จึงต้องทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อดัน SET ให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการนะซี

*เมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดจากเหตุผลทางเทคนิคบางอย่าง ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น “โมนิก้า” ก็จำเป็นต้องมองเรื่องต่างๆ มีวาระซ่อนเร้นกันทั้งนั้น และประเด็นที่สังคมชาวหุ้นกำลังซุบซิบนินทากันสนุกปากคงเป็นเหตุการณ์ที่ “บิ๊กตู่” เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวใส่หน่วยงานอิสระ สตง. เพราะชอบทำตัวเป็นเป็นไอ้เข้ขวางคลองตลอดเวลาพะยะค่ะ

*เรื่องนี้มันมาจากการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกฯ ได้มีการสอบถามถึงความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดีอี จึงได้รู้ถึงเหตุผลของความล่าช้าในการดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐ  เลยทุบโต๊ะกลางวงประชุม พร้อมกับสบถคำพูดออกมาว่า “ท้วงติงทุกโครงการ ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว..พังหมด สตง. มองแง่เดียว  รู้ได้ไงว่าคุ้มค่าไม่คุ้มค่า?”

*ก่อนจะประกาศให้ทุกคนในที่ประชุมรู้ว่า “เน็ตประชารัฐต้องเสร็จตามที่กำหนดในปี 61  ผมพูดกับทุกคนไปหมดแล้ว ก็ต้องทำให้ทัน” ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนที่เกิดข้องเกิดความโล่งใจ เพราะได้รับไฟเขียวให้เดินหน้าแบบสุดซอย “โมนิก้า” ถึงเห็นกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับโครงการเน็ตชายขอบกลับมาคึกคักอีกครั้ง จึงอยากให้แฟนคลับจับตาดูหุ้น ITEL กับ TRUE มากเป็นพิเศษนะคะ

*เนื่องจากเป็นผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าวอย่างใสสะอาด แต่ดันมาเจอเตะสกัดขาเพียงเพราะรู้สึกว่า ทศท. ภายใต้หน่วยงานภาครัฐได้งานน้อยกว่าคนอื่นแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นการสร้างนิสัยเสือนอนกินให้กับหน่วยงานนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสังเกตได้จากขีดความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทเอกชน มันเทียบกันไม่ได้เลยเมื่อมองกันแบบช็อตต่อช็อต จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับบิ๊กตู่…อิอิอิ

*สุดติ่งกระดิ่งแมวเกินจะบรรยาย พร้อมกับเรียกเสียงด่าทั่วห้องค้า คงไม่มีใครเกินหน้าไปกว่า HTECH ภายใต้การกำกับบทของ  “หมอสายดาร์ก” กับ “สีสังหาร”  ช่วยกันดันหุ้นอย่างหนักหน่วง จนสุดท้ายขึ้นมาปิดที่ 10.50 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่า 472 ล้านบาท  มันมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้หุ้นตัวนี้แรงเกินจะบรรยาย นะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับในรายของ GCAP ทะยานขึ้นมาปิดที่ 6.45 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 12.20% ด้วยมูลค่า 413 ล้านบาท ก็มาจากฝีมือของคู่ซี้จอมแสบ “ผีเน่ากับโลงผุ” ไม่ต้องหาเหตุผลอื่นมาอธิบาย แถมนักเล่นในห้องค้าเม้าท์สนั่นหวั่นไหวว่า นี่ก็เป็นหุ้นใต้อาณัติของนักปั่นน่องเหล็กรายดังกล่าว สภาพของหุ้นถึงค่อนข้างโอเว่อร์รีแอ๊คไปมากเหลือเกิน..ไม่เชื่อลองถามโบรกสัญชาติญี่ปุ่นดูซิค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับหุ้นฟอร์มร้อนแรง ASIAN วิ่งขึ้นไปยืนที่ระดับ 20.60 บาท แต่หลังจากนั้นโดนถล่มอย่างหนัก จนลงมาปิดที่ 18.60 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท มันเป็นผลมาจากคู่ซี้จอมแสบต้องการโยกเงินไปดันสองรายข้างต้น จึงทำการขายหุ้นทิ้งทุกราคาเพื่อเอาทุนรอนทั้งหมดที่มีอยู่ไปสร้างสตอรี่ให้ดูน่าเชื่อถือ โดยงานนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากแฟนสาวที่สวมหมวกเป็นเกจิคนหนึ่ง งานนี้เดี๊ยนบอกได้แค่ว่า ข้อมูลทั้งหมดมาจากผู้หวังดีที่ทุกคนก็รู้ว่า เขาคือใคร?

*ส่วนในรายของ INGRS ถูกดันขึ้นมาปิดที่ 1.49 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 7.20% ด้วยมูลค่า 730 ล้านบาท  “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของจังหวะเวลา บวกกับบรรดาขาใหญ่พร้อมใจลุย ราคาหุ้นถึงระเบิดเถิดเทิงอย่างที่เห็น จึงเป็นจังหวะที่นักโหนกระแสต้องไหลตามน้ำในทันที เพราะเมื่อสำรวจค่า P/E 10 เท่า ย่อมเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเล่นทั่วสารทิศต้องเข้ามาตะลุมบอนกันอีกเที่ยว หลังมีคนเคาะขวานำร่องไปแล้วบางส่วน แถมปัจจัยพื้นฐานยังล่อให้พวกใจถึงจัดชุดใหญ่แบบนี้..เต็มเหี่ยวไปเลยพี่!

 

โมนิก้าและทีมงาน