สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 ก.ย.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” อ่อนกำลังลง และไม่ได้สร้างความเสียหายมากเท่ากับที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือไม่ได้ยิงขีปนาวุธหรือทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,057.37 จุด พุ่งขึ้น 259.58 จุด หรือ +1.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,488.11 จุด เพิ่มขึ้น 26.68 จุด หรือ +1.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,432.26 จุด เพิ่มขึ้น 72.07 จุด หรือ +1.13%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มประกัน หลังจากมีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” ได้อ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่รัฐฟลอริดาของสหรัฐ และไม่ได้สร้างความเสียหายมากเท่ากับที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือไม่ได้ยิงขีปนาวุธหรือทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1% ปิดที่ 379.43 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,475.24 จุด พุ่งขึ้น 171.26 จุด หรือ +1.39% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,176.71 จุด เพิ่มขึ้น 63.22 จุด หรือ +1.24% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,413.59 จุด เพิ่มขึ้น 35.99 จุด หรือ +0.49%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก เมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ด้วยแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มประกันภัย สืบเนื่องจากตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาในรัฐฟลอริดา ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายน้อยกว่าที่ตลาดประมาณการไว้ในเบื้องต้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังเกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบยิงขีปนาวุธในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตามที่หลายๆฝ่ายหวั่นเกรง
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 35.99 จุด หรือ +0.49% แตะที่ 7,413.59 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่า โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งของสหรัฐได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้ง หลังจากที่ต้องปิดดำเนินการเนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบีย, เวเนซุเอลา และคาซัคสถาน ได้หารือกันเกี่ยวกับการขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 48.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 53.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลายลง ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือไม่ได้ยิงขีปนาวุธหรือทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ การอ่อนกำลังลงของพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 15.5 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ระดับ 1,335.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 22.1 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 17.902 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 13.5 ดอลลาร์ หรือ 1.33% ปิดที่ 998.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ ปิดที่ 931.65 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ขณะนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายน้อยกว่าที่ตลาดประมาณการไว้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1965 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2028 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3173 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3208 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.8030 ดอลลาร์ จากระดับ 0.8063 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.32 เยน จากระดับ 107.80 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9540 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9452 ฟรังก์สวิส