แรงดี ไม่มีตก

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้ “โมนิก้า” ขอกระแดะพูดภาษาอังกฤษเยอะหน่อย เพื่อให้เข้าหัวเรื่องที่จั่วทิ้งไว้สักหน่อย บวกกับสถานการณ์หลายอย่างก็สุกงอมอย่างเต็มที่เหมือนกัน จึงเป็นโอกาสดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แถมแต่ละคนมีมุมมองในแต่ละเรื่องแตกต่างกันไป เดี๊ยนถึงไม่อยากถูกตราหน้าเป็นนางมารร้ายประเภท ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก เพราะในตลาดหุ้นมีคนแบบนี้เยอะอยู่แล้ว..อิอิอิ

*ประเด็นดังกล่าวดูได้จากดัชนีพยายามยกตัวสูงขึ้น แต่กลับมีคำเตือนถึงความผิดปกติออกมาเป็นระรอก หลังดัชนีเข้าเขตซื้อมากเกินไปมาระยะหนึ่ง “โมนิก้า” มองเป็นข้อมูลที่นักเล่นต้องรับฟังไว้บ้าง เพราะการขึ้นของดัชนีเที่ยวนี้ไม่ได้มาแบบปกติ จึงต้องวิเคราะห์ดูแบบช็อตต่อช็อต แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะตรงกันข้ามสิ่งที่หลายคนคาดคิด แต่ไม่ใช่เรื่องซีเรียสนะจะบอกให้

*สิ่งที่เดี๊ยนสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อลองสำรวจสัญญาณเทคนิคพบว่า ตอนนี้ปรากฏสัญญาณ doji star โผล่ให้เห็นมาไม่ต่ำกว่า 2 วัน ย่อมทำให้การลงทุนเที่ยวนี้อึดอัดใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะดัชนียังเดินหน้าขึ้นมาปิดที่ 1,643.55  จุด บวกไป 6.01 จุด ด้วยมูลค่า 5.12 หมื่นล้านบาท มันแสดงให้เห็นว่า เมื่อเกมหุ้นเริ่มเดินเครื่องอย่างเต็มที่ อะไรก็ฉุดไม่อยู่ทั้งนั้น โดยเหตุผลหลักในเที่ยวนี้ยังอยู่ที่หุ้นไทยถูกกว่าที่อื่นพะยะค่ะ

*วานนี้ถึงเห็นหุ้นบลูชิพหลายตัวแสดงอภินิหารกันอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะในรายของ ROBINS  กระชากขึ้นมาปิดที่ 64.25 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่า 960 ล้านบาท “โมนิก้า” ไม่สามารถมองเป็นเรื่องอื่นได้เลยจริงๆ เพราะสิ่งที่เห็นในเที่ยวนี้น่าจะเป็นแค่ลมพัดหวน บวกกับในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาหุ้นเทรดไม่เกินระดับ 28 เท่า เดี๊ยนถึงมองว่า เที่ยวนี้คงขึ้นไม่เกิน 70 บาทหรอกค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่โผล่ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว “โมนิก้า” คงต้องหันมามอง HMPRO เป็นลำดับถัดไปในทันที หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 830 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันยกใหญ่ว่า  รอบนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน?  เพราะมีแรงซื้อไหลเข้ามาเยอะกว่าปกติ จึงเป็นประเด็นที่น่ารักน่าลุ้นสำหรับพวกขาลุยนะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของหุ้นร้อน ASIAN ทะยานขึ้นมาปิดที่ 21.40 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่า 930 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ขาปั่นน่องเหล็กห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะกระแสดันหุ้นสุดลิ่มทิ่มประตูยังมีให้ได้ยินตลอดเวลา เดี๊ยนถึงไม่อยากเอาคานไปสอด เพราะหมูกำลังจะหาม จึงอยากให้แฟนคลับใช้สติกับเรื่องนี้ให้มากหน่อยก็เท่านั้นเองค่ะ

*ปั่นกระแสกันสุดๆ “โมนิก้า” ขอย้อนกลับไปดู COM7 หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ 13.90 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 576 ล้านบาท หลายคนลงความเห็นเกี่ยวกับการเปิดตัวไอโฟน 8 น่าจะช่วยบิ้วด์รายได้และกำไรอย่างถล่มทลาย และจะดันหุ้นขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 14.50 บาทแบบชิวๆ ก็เป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิดเหมือนกันนะจ๊ะ

*คล้ายคลึงกับกรณีของ UV เล่นไปเล่นมาก็ปาเข้าไปรอบที่ 3 เสียแล้ว แถมแพตเทิร์นของหุ้นก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเริ่มหันมามองกรอบ 7.50-9.50 บาทตั้งแต่เนิ่นๆ หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 9.15 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่า 450 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะที่ทำให้ใครหลายคนเกิดอาการตื่นตัวมากขึ้นกว่าเดิมพะยะค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่มาแนวเดียวกับรายข้างต้น แต่มีจังหวะที่เร้าร้อนมากกว่าต้องยกให้ SGP หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 18.90 บาท บวกไป 1.60 บาท หรือขึ้นไป 9.25% ด้วยมูลค่า 560 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่หุ้นกำลังไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่บริเวณ 21.50 บาทเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นช็อตที่ต้องตามไปดูเพื่อความบันเทิงเริงใจ งานนี้บอกได้แค่ว่า ลุ้นน้ำลายเหนียวคอแน่นอนเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่ไม่ต้องลุ้นอะไรทั้งสิ้น เพราะได้รับผลดีจากโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ทำให้ราศีของผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “เบน เตชอุบล” ผู้กุมบังเหียน CGD  เปล่งประกายขึ้นมาทันที เพราะหลังจากรัฐบาลประกาศเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมต่อสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภาเข้าด้วยกัน ก็เป็นอันรู้กันว่าราคาที่ดินพุ่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว ซึ่งทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรมูลค่า 2 พันล้านบาท จังหวัดฉะเชิงเทรา อัพแวลูขึ้นตามไปด้วย งานนี้บอกได้แค่ว่า เล็งหุ้นตัวนี้ให้ดีๆ นะจะบอกให้

*หุ้นฟอร์มดีอีกหนึ่งตัวที่น่าติดตามดูในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอยกให้กับหุ้น SIRI  หลังมีข่าวเม้าท์กันสนุกสนานว่า ลูกค้าเข้าตรวจรับมอบห้องมากถึง 70% ภายใน 2 สัปดาห์  คิดเป็นจำนวน 262 ยูนิต ซึ่งถือเป็นยอดตรวจรับมอบคอนโดมิเนียมรวดเร็วมากเป็นประวัติการณ์ เดี๊ยนถึงคิดว่า ในไม่ช้าน่าจะมีทีเด็ดอะไรออกมาให้นักเล่นได้ตื่นเต้นกันอีกแน่ๆ จึงอยากให้ดูราคาปิดที่ 2.22 บาท ด้วยมูลค่า 205 ล้านบาท เป็นจังหวะน่าลุยหรือเปล่า?