SUPER  ดีทุกอย่าง ยกเว้น…

ถามว่ามีอะไรที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER กลายเป็นหุ้นระดับหัวแถวของหุ้นที่ทำให้นักลงทุน “ติดดอย” กันเป็นแถวในอันดับต้นๆ ของจำนวนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยามนี้


แฉทุกวันทันเกมหุ้น 

ถามว่ามีอะไรที่ทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER กลายเป็นหุ้นระดับหัวแถวของหุ้นที่ทำให้นักลงทุน “ติดดอย” กันเป็นแถวในอันดับต้นๆ ของจำนวนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยามนี้

คำตอบคงหนีไม่พ้นความ(ไม่)เชื่อมั่น…ไม่มีปัจจัยอื่นใด

โดยเฉพาะเน้นไปที่ความเชื่อมั่นในตัวของ นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานกรรมการเป็นสำคัญ

เหตุผลเพราะว่า โดยปัจจัยทั่วไปแล้ว SUPER ถือว่าเป็นหุ้นที่พ้นจุดต่ำสุดแล้ว และรอวันผงาดขึ้นมาเป็นหุ้นชั้นดีได้ในอนาคต .. เพราะผู้บริหารขยันหาโครงกรใหม่ๆ มาสร้างอนาคตไม่ขาดระยะ

เสมือนมีบุญ แต่กรรมมาบังตา …ทำดีไม่ขึ้น

หลังจากไตรมาสสองที่ผ่านมา SUPER สามารถทำกำไรสุทธิสวยงาม 562.40 ล้านบาท จนกำไรครึ่งปีแรกทะลุ 848.57 ล้านบาทลบล้างขาดทุนสะสมไปได้มาก เหลือเพียงแค่ 549.96 ล้านบาท…มุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ก็เปลี่ยนจาก เห็น “หลังเท้า” เป็น “หน้ามือ” ในฉับพลัน

มุมมองล่าสุดส่วนใหญ่ระบุว่า SUPER ปัจจุบัน SUPER จะมีโรงไฟฟ้าที่จะทำกำไรปีละ 1,800 ล้านบาท ไม่ใช่บริษัทขี้โรค และหนี้บานเบอะ หรือต้องเพิ่มทุนพิสดารแบบในหลายปีที่ผ่านมา เพราะผลลัพธ์จากการลงทุนต่อเนื่องที่ผ่านมาเริ่มผลิดอกออกช่อกันต่อเนื่อง

หากดูจากแนวโน้มครึ่งแรกของปีนี้ที่กำไรกลับมาสวย ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ตลอดปี 2560 นี้  SUPER จะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ที่มี EBITDA ประมาณ 6,000 ล้านบาท และบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ประมาณ 4,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน SUPER มีอัตราส่วนค่า พี/อี ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มพลังงานทดแทน 4% หรือหากมองในแง่กำลังการผลิตที่จ่ายไฟฟ้าแล้ว SUPER ก็ถือว่าสูงที่สุด 762 เมกะวัตต์ (แม้เมื่อหักกลบจริง จะมีไม่ถึง 500 เมกะวัตต์) ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ย 3 เท่าตัว

โมเมนตัมทางธุรกิจที่น่าสนใจอยู่ที่ว่า แม้ขณะที่กำลังการผลิตใหม่บริษัทอื่นดูจะเพิ่มช้าลงเรื่อยๆ แต่ของ SUPER กลับสวนทาง เพราะจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 50 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อประมาณ 20 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์สหกรณ์ประมาณ 30 เมกะวัตต์

นอกจากนั้นยังมีอัพไซด์นอกประมาณการ เช่น 1) โรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่ง กำลังการผลิต 17 เมกะวัตต์ 2) โครงการพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ ที่เพิ่งลงนามความร่วมมือ (MOA) เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และ 3) แผนการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน  เพื่อนำเงินไปซื้อโรงไฟฟ้าโซลาร์จีน กำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์อีกด้วย

ในระยะสั้น กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นปลายปี 2559 รวมกับที่จะเข้าอีกในไตรมาส 4 ปีนี้ ทำให้มีการปะเมินว่า กำไรปกติปี 2560 จะอยู่ที่ 1,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  536% จากปี 2559  และคาดว่าจะเพิ่มอีก 10% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 1,806 ล้านบาท จากกำลังการผลิตใหม่ปลายปี 2560

นอกจากนั้น อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน  หรือ ค่าดี/อี กำลังเริ่มพลิกเป็นขาลงจาก 2.30 เท่า ในปี 2559 เหลือ 2.10-1.70 เท่า ในปี 2560-2561 

ดูเหมือนว่าข้อมูลทั้งหมดข้างต้น จะขมวดปมที่ว่า อนาคตของ SUPER จะฝากเอาไว้กับความหวังใกล้มือคว้ามาก คือการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งธนาคารกรุงเทพ (BBL) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ระหว่างเตรียมแผนยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เบื้องต้นคาดว่าจะระดมทุนราว 1 หมื่นล้านบาท โดยใช้กำลังการผลิตไฟฟ้าราว 118 เมกะวัตต์ เป็นสินทรัพย์อ้างอิง …ในช่วงปลายปีนี้

ที่ว่าเป็นความหวังมากสุด และมีผลมากสุดต่อราคาหุ้น เพราะหากสามารถตั้งกองทุน 1.2 หมื่นล้านบาทได้จริง ก็จะลดภาระหนี้เฉพาะหน้าลงไป แล้วทำให้มีกำไรพิเศษที่ทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นพอกพูนรับการก่อหนี้รอบใหม่สำหรับการเงินลงทุนราว 1.5-2 หมื่นล้านบาท/ปี เพื่อรองรับการมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 2,500 ล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ผลพลอยได้ที่ตามมาคือ ทำให้ SUPER อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบในการปรับโครงสร้างหนี้ เนื่องจากโครงการจ่ายไฟฟ้าไปจำนวนมากแล้ว และอยู่ในสถานการณ์เตรียมออกหุ้นกู้มาทดแทนมากกว่า จึงมองโอกาสของการรีไฟแนนซ์ เงินกู้ จำนวน 25,000 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นกู้คล้ายกับ EA และ SPCG ทำเพราะดอกเบี้ยลดลง 1% จะทำให้กำไรปี 2561 เพิ่มได้ถึง 300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% จากประมาณการ

คำถามคือ เมื่อใดจะตั้งกองทุนได้เสียที ถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบจากสวรรค์ขั้นไหน หรือ นรกขุมไหน

ท่านประธานจอมทรัพย์เองพยายามยืนยัน นั่งยัน และ..นอนยัน เป็นกระต่ายขาเดียวมาตลอดว่า อย่างไรเสีย ไตรมาสสี่ปีนี้ได้เห็นแน่นอน

แปลกแต่จริง ….ยิ่งพูดบ่อยเท่าใด ยิ่งหาคนเชื่อน้อยลงเรื่อยๆ

ล่าสุด ผู้บริหารของ บลจ.บัวลวง ที่จะทำหน้าที่บริหารกองทันของSUPER ออกมาบอกว่า ตามข้นตนแล้ว ไม่ทันแน่นอนในปีนี้ เพราะเหตุว่า …โครงการโซลาร์ฟาร์มของบริษัทมีขนาดเล็กมาก จัดเข้ากองทุนลำบาก ตามขั้นตอนจะต้องการเวลาค่อนข้างมากกว่าปกติ ดังนั้นจะให้เสร็จเร็วสุดคือ ไตรมาสแรกปี 2561…

การเลื่อนออกไป คือข่าวร้ายทำให้ราคาหุ้น SUPER ยากจะกลับมาเป็นขาขึ้น เพราะทำให้การบันทึกกำไรสิ้นงวดปี 2560 นี้ ต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้า

นี่ยังไม่นับรวมข่าวลือ (ที่ไม่เคยจริง) เรื่องผู้ถือหุ้นที่ทรงอิทธิพลอันดับสอง….อย่างกลุ่มเสี่ยประเดช ณ อันดามัน…ทิ้งหุ้นเพราะปันใจไปเป็นกรรมการ WEH เสียแล้ว…ที่รบกวนขาขึ้นอีกกระทอก

ความน่าเชื่อถือที่ถดถอยลง เป็นประเด็นที่ท่านประธานจอมทรัพย์คงต้องกลับมาพิจารณาตัวเองด่วนจี๋…ก่อนที่จะติดลบในวันข้างหน้า

อิ  อิ  อิ

Back to top button