สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวันศุกร์
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 15 ก.ย.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก เมื่อวันศุกร์ (15 ก.ย.) หลังจากหุ้นกลุ่มสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่สี่ และพยุงดัชนี S&P500 ปิดที่เหนือระดับ 2,500 จุดเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นทั้งสองกลุ่มยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ และข่าวการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,268.34 จุด เพิ่มขึ้น 64.86 จุด หรือ +0.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,500.23 จุด เพิ่มขึ้น 4.61 จุด หรือ +0.18% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,448.47 จุด เพิ่มขึ้น 19.38 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) นำโดยตลาดหุ้นลอนดอนที่ปิดร่วงลงกว่า 1% หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น และทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงของบริษัทอังกฤษที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 380.71 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,213.91 จุด ลดลง 11.29 จุด หรือ -0.22% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,518.81 จุด ลดลง 21.64 จุด หรือ -0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,215.47 จุด ลดลง 79.92 จุด หรือ -1.10%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่า หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ลดลงของบริษัทอังกฤษที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,215.47 จุด ลดลง 79.92 จุด หรือ -1.10%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรงตัว เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 5% เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และการที่โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐเริ่มเปิดดำเนินการ หลังจากปิดตัวชั่วคราวก่อนหน้านี้ในช่วงที่เผชิญพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงบวกจากรายงานที่ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดทรงตัวที่ระดับ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 5.1%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 55.62 ดอลลาร์/บาร์เรล และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันเบรนท์ปรับตัวขึ้น 3.4%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากการทำนิวไฮอย่างต่อเนื่องของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นทองคำ และเข้าลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,325.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.9%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.8 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 17.701 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 9.10 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 971.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.45 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 921.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 110.89 เยน จากระดับ 110.53 เยน ขณะที่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9600 ฟรังก์ จากระดับ 0.9642 ฟรังก์
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3571 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3400 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1939 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1918 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.8000 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7990 ดอลลาร์สหรัฐ