NWR หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 5% หลังงานภาครัฐฯล่าช้า ยังลุยประมูลงานใหม่ทั้งใน-ตปท.

NWR หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 5% หลังงานภาครัฐฯล่าช้า ยังลุยประมูลงานใหม่ใน-ตปท. เร่งดันธุรกิจอสังหาฯเข้าตลาดหุ้นใน 4 ปี


นายปสันน สวัสดิ์บุรี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เปิดเผยว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่ 8.39 พันล้านบาท เดิมคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากงานภาครัฐที่ออกมาล่าช้ากว่าที่คาด ซึ่งการเติบโตหลักยังมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีสัดส่วน 95% ของรายได้รวม

โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่า 1.35 หมื่นล้านบาท ที่จะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 25-30% ของมูลค่างานทั้งหมด ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานใหม่มูลค่ากว่า 5.85 หมื่นล้านบาท อาทิ โครงการรถไฟรางคู่ งานรถไฟฟ้า งานท่าเรือ งานแอลเอ็นจีเทอร์มินอล เป็นต้น แบ่งเป็นโครงการภาครัฐกว่า 16% งานผู้รับเหมาช่วง 25 % และงานเอกชนกว่า 59%  โดยบริษัทคาดว่าจะได้งานในสัดส่วน 10% ของมูลค่างานทั้งหมดที่เข้าประมูล ส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถรับงานใหม่เข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกได้รับงานมาแล้วกว่า 4.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังเข้าประมูลงานรับเหมาก่อสร้างในกลุ่มประเทศ CLMV โดยมีมูลค่ารวมกว่า 4-5 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานโครงการโรงไฟฟ้าและงานก่อสร้างถนน ซึ่งจะทยอยรู้ผลการประมูลต่อเนื่องในช่วงปลายปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศราว 5% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อในอนาคตเนื่องจากงานในกลุ่มประเทศ CLMV ยังมีอีกมาก

ขณะที่บริษัทคาดว่าในปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ในกรอบ 8-10% หลังจากครึ่งปีแรกมาอยู่ที่ 8.14% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 7.88% หลังจากบริษัทเน้นการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงาน และการเข้ารับงานในโครงการที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูง ในขณะเดียวกันมองว่าในอนาคตอัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปสูงกว่า 10% หากงานรับเหมาก่อสร้างในประเทศกลับมาเติบโตอีกครั้ง พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้ออกไปรับงานต่างประเทศมากขึ้นด้วย ประกอบกับบริษัทมีนโยบายจะควบคุมค่าใช้จ่ายบริการให้อยู่ในระดับ 5% อีกด้วย

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ราว 800 ล้านบาท โดยจะมาจาก บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด ราว 400 ล้านบาท และอีก 400 ล้านบาท จะมาจากการร่วมทุนใน บริษัท ซี.ไอ.เอ็น เอสเตท จำกัด (ในเครือชาญอิสระ) ซึ่งปัจจุบันมีสต็อกโครงการรอขายมูลค่ารวมกว่า 1.5 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านอิสสระ บางนา มูลค่าโครงการ 2 .6 พันล้านบาท ,อิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์ มูลค่าโครงการ 1.9 พันล้านบาท,บารานี พาร์ค มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาท,เอสเพน คอนโด ลาซาล A มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท,เอสเพน คอนโด ลาซาล B มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท และ บารานี เรสซิเดนซ์ มูลค่าโครงการ 850 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้หมดภายในปีหน้า โดยในปีนี้บริษัทเตรียมงบสำหรับการซื้อที่ดินไว้ที่ 200-300 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต

ขณะที่แผนการนำ บริษัท มานะพัฒนาการ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า เพื่อระดมทุนมาใช้ขยายธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันเร่งดำเนินการให้ผลประกอบการเป็นไปตามหลักเกณ์ที่ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด

Back to top button