สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,670.65 จุด ปรับลดลง 1.94 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.4 หมื่นล้านบาท * ขาเข้าซื้อสุทธิพี่รายย่อยจัดหนักสุดๆ ตะลุยเก็บไป 2,683 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อไป 308 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิพี่ต่างชาติเอาแล้วจ้า สาดกระจาย 1,895 ล้านบาท และสถาบันร่วมแ
นิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,670.65 จุด ปรับลดลง 1.94 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.4 หมื่นล้านบาท * ขาเข้าซื้อสุทธิพี่รายย่อยจัดหนักสุดๆ ตะลุยเก็บไป 2,683 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อไป 308 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิพี่ต่างชาติเอาแล้วจ้า สาดกระจาย 1,895 ล้านบาท และสถาบันร่วมแจมขายไปอีก 1,096 ล้านบาท
* หลังจากในช่วงรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา พี่ SET วิ่งลุยบวกแรงมหาศาลจนดัชนีปรับเพิ่มขึ้นไปร่วม 7% พอร์ตการลงทุนนับจากนี้ไปจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งในกรณีที่นักลงทุนมีเงินสดถือกันอยู่ในมือ น่าใช้จังหวะนี้หาโอกาสเข้าเก็บหุ้นแลกการ์ดพื้นฐานดี หรือ เข้าเก็บพวกหุ้น P/E ต่ำติดมือไว้หน่อย เพราะจะได้เปรียบกว่ากลุ่มหุ้นที่วิ่งบวกตาม SET ไปไกลแล้ว เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกขายทำกำไรออกมาก่อนใครเพื่อน
* เริ่มกันด้วยตัวแรก SQ รายนี้เข้าคอนเซ็ปต์ทั้งแลกการ์ดและ P/E ต่ำเพียงแค่ 12 เท่า เทรนด์ธุรกิจพูดได้เต็มปากเลยว่า แข็งแกร่งสุดๆ เต็มอัตรา เพราะมีฐานแบ็กล็อกตุนงานไว้ในมือสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว จึงสามารถบุ๊ครายได้ยาวนานอีกหลายปี * ที่สำคัญงานขุดขนดินโครงการแม่เมาะ 8 ในปีนี้ยังเสร็จสิ้นรวดเร็วมาก และที่สำคัญอีก คือ ยังติดตั้งเครื่องจักรใหญ่เสร็จก่อนกำหนดถึง 4 เดือน ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนให้เทรนด์ธุรกิจ SQ เติบโตสดใส ล่าสุดทางบริษัทเองยังอยู่ในช่วงลุ้นคว้างานประมูลใหม่มูลค่าสูงถึงประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีโอกาสได้รู้ผลกันภายในเร็วๆ นี้ โดย SQ เองก็ลุ้นกันแบบสุดตัว เพราะถ้าได้มาจริงจะทำให้แบ็กล็อก SQ เพิ่มขึ้นมหาศาล โดยฐานเดิมมีอยู่แล้ว 37,000 ล้านบาท ถ้าได้เพิ่มอีกจะทำให้แบ็กล็อกพุ่งเกิน 7 หมื่นล้านบาททันที ดังนั้น SQ จึงถือเป็นหุ้นชั้นดีที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีปัจจัยหนุนทั้งระยะสั้น-ระยะยาว จะเก็งกำไรรับงบไตรมาส 3 หรือ เข้าลงทุนยาวๆ ก็จัดไปได้ทั้งหมด
* หุ้น III หรือ ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ แม้ช่วงนี้จะถูกดับซ่าจากการประกาศคุมหุ้นร้อนเกณฑ์ระดับ 1 ใช้ Cash Balance แต่ด้วยตัวพื้นฐานที่เป็นของจริง มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ผู้ถือหุ้นหลายคนกอดไว้แน่นไม่มีเปลี่ยน สะท้อนได้จากตัวราคาหุ้นนั่นแหละ ขนาดโดน Cash Balance แท้ๆ แต่ยังแข็งแกร่ง พร้อมกับยืนเหนือระดับ 10 บาท ไว้ได้ต่อเนื่อง * สำหรับ III ใครที่มีอยู่แล้วในมือขอแนะนำว่า กอดกันไว้ก่อนแน่นๆ เลย เพราะถือเป็นอีกตัวที่ทิศทางผลการดำเนินงานเติบโตได้เซอร์ไพรส์ตลาดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงวดครึ่งปีหลังที่เข้าหน้าซีซั่นของการใช้บริการโลจิสติกส์ จึงมีการขนส่งสินค้าหนาแน่น และทางบริษัทเองยังมีศักยภาพให้บริการขนส่งครอบคลุมทั้งบนบก ในน้ำ และทางอากาศ จึงสามารถคว้างานกลุ่มลูกค้าไปได้เต็มมือ ขณะที่ฐานกำไรนี่จัดว่าสวยแจ๋วไม่เบา เพราะแค่งวดครึ่งปีแรกกวาดกำไรสุทธิไปแล้ว 83 ล้านบาท เกือบเท่ากับภาพรวมทั้งปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 89 ล้านบาท หากงวดครึ่งปีหลังทำได้ดีตามนัด ปิดงบปี 60 รับรองโตกระฉูดชัดเจน แถมช่วงไตรมาส 4 ยังได้สิทธิเข้าบริหารคลังสินค้าในดอนเมืองอีก ซึ่งจะช่วยหนุนให้รายได้ช่วงโค้งสุดท้ายพีคยิ่งขึ้น ใครใจร้อนรีบปล่อยหุ้น ระวังขายหมูกันด้วยนะจ้า
* หุ้น BCP เป็นอีกรายที่น่าเข้าสะสม เพราะถ้าเทียบกับความเคลื่อนไหวหุ้นโรงกลั่นรายอื่นที่ขยับขึ้นไปไกลมากแล้ว เท่ากับ BCP ยังไม่สะท้อนปัจจัยบวกงวดครึ่งปีหลังที่มีโอกาสเติบโตแรงเช่นกัน เพราะทุกสายธุรกิจพลังงานทั้งหมดของบริษัท กำลังกลับเข้าสู่ช่วงการกอบโกยรายได้-กำไรอีกครั้ง * แล้วยังมีปัจจัยบวกซ่อนคือการวางแผนแต่งตัวเอาบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพิ่มอีกในอนาคต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่หลายคนมองข้ามกันไป ล่าสุด หุ้นปิดอยู่แถว 38 บาท มีค่า P/E ต่ำแค่ 9 เท่า ไม่เก็บตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปซื้อตอนไหนแล้ว
* ปิดท้ายด้วยหุ้น WPH หรือ โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง หลังจากประเดิมเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอในราคา 3.90 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา เห็นว่ายอดจองแน่นล้นหลาม จนสายโทรศัพท์แทบไหม้ ตามกำหนดแล้วยังเหลือเวลาให้จองซื้อหุ้นอีก 2 วันทำการ คือ 20-21 กันยายนนี้ ใครที่เล็งหุ้นอยู่อย่าชะล่าใจกันมากนัก ไม่งั้นอดได้สิทธิเป็นเจ้าของหุ้น WPH ในราคาไอพีโอ เนื่องจากมีกำหนดลงสนามเทรดใน SET ภายในช่วงวันที่ 3 ตุลาคมนี้กันแล้ว *