ครึ่งบ่ายไม้สั้น – บล.คันทรี่กรุ๊ป
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้
สรุปตลาดภาคเช้า
ตลาดภาคเช้าปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น ในทิศทางเดียวกันกับตลาดรอบบ้าน โดยได้โมเมนตัมบวกจากนโยบายเชิงผ่อนคลายของจีน ประกอบกับ Bond yield ของสหรัฐปรับลดลง ช่วยเสริมการลงทุนในตลาดหุ้น ดัชนีปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.31 จุด (+0.22%) มาอยู่ที่ 1,513.82 จุด มูลค่าซื้อขาย 1.4 หมื่นล้านบาท
แนวโน้ม ภาคบ่าย
ประเมินแนวโน้มดัชนีแกว่งตัวแคบในแดนบวก เรามองการเก็งกำไรประเด็นดอกเบี้ยจีนจะช่วยหนุนโมเมนตัมในภาคบ่าย อย่างไรก็ดี ด้วยมุมมองที่อ่อนแอต่อเศรษฐกิจไทย เราจึงคาดว่าการปรับตัวขึ้นจะยังจำกัด สำหรับกลุ่มเด่น แนะนำ กลุ่มส่งออก และท่องเที่ยวซึ่งได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
วิเคราะห์ทางเทคนิค
SVOA ราคาปิด 1.44 บาท
แนวรับ 1.43 บาท แนวต้าน 1.55 บาท
แนว cut loss หากใกล้จะหลุด 1.40 บาท
กราฟ SVOA อ่อนตัวลงเข้าสู่แนว Oversold ซึ่งเป็นระดับที่เคยดีดตัวก่อนหน้านี้ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงแสดงว่าแรงขายได้หมดไปแล้ว จึงทำให้เกิด Rebound ได้ง่าย แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรมองการเด้งตัวไม่น้อยกว่า 1.55 บาทในรอบสัปดาห์
TCMCราคาปิด 3.30 บาท
แนวรับ 3.26 บาท แนวต้าน 3.50 บาท
แนว cut loss หากใกล้จะหลุด 3.20 บาท
กราฟ TCMC อยู่ในช่างไต่ระดับ เข้าฟอร์มรูป V-shape ที่มีโอกาสจะไปได้ถึง 4 บาท โดยมีสัญญาณซื้อทั้งในระดับ day และระดับ week คาดหมายการไต่ระดับราคาที่สูงขึ้นต่อไป หากย่อตัวจะเกิดแรงรับและสร้าง high ใหม่ที่สูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แนะนำซื้อเก็งกำไรต้านแรก 3.50 บาท หากผ่านได้ไปรอ 4 บาท
เด็กแนว
SPCG ฤดูผลประกอบการเริ่มขึ้นแล้วนักลงทุนต้องตาไวกับการประเมินกำไร หรือบริษัทใดประกาศออกมาแล้วหากท่าทางดีให้รีบคว้าไว้อย่ารอช้าก่อนที่คนอื่นจะงาบไปซะก่อน SPCGc0cแจ้งกำไร 557 ล้านบาท โตจากปีก่อน 106% ผลจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้ารวมๆ กัน 36 MW ส่งผลให้กำไรโตได้ขนาดนี้ และเตรียมที่จะทำเพิ่มเติมต่อไปรวมทั้ง solar roof top อีกด้วย บริษัทตั้งเป้าอนาคตไว้ว่าจะมีกำลังการผลิตรวมได้ไม่น้อยกว่า 500 MW และเตรียมบุกต่างประเทศเช่นกัน ล่าสุดบริษัทได้บรรลุข้อตกลงกับ KTB แล้ว ในการที่ เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระ 8 ปี ซึ่งตรงนี้จะทำให้มีผู้ติดตั้งเพิ่มมากขึ้น ส่วนมูลค่าที่เหมาะสมนั้น หลายโบรกให้ตัวเลขสูสีกัน ซึ่งเด็กแนวประเมินเบื้องต้นว่าหากให้ค่า PE ระดับ 15 เท่าจะมีเป้าหมายราคาพื้นฐาน 36 บาทจากแค่กำลังการผลิตในปัจจุบันไม่นับที่จะได้มาในอนาคตอีก มองดูอย่างนี้จึงถือเป็นหุ้นที่น่าลงทุนอย่างมากในจังหวะที่ราคากำลังย่อตัวลงตามตลาด ส่วนกราฟมีแนวต้านสั้น 30 บาทสะสมกัน
VNG แจ้งงบไตรมาสแรกออกมา 269 ล้านบาทพุ่งขึ้นแรงเทียบกับ Q1 ปีก่อนที่ทำได้ 68 ล้านบาท และเป็นการโตต่อเนื่องจาก Q4 ที่ทำได้ 200 ล้านบาท แสดงว่าฐานของกำไรบริษัทในแต่ละไตรมาสจากนี้ไปไม่ต่ำกว่านี้ เป็นผลจากยอดการสั่งซื้อไม้ MDF ที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ส่งผลให้ฐานรายได้แตกต่างกันอย่างมาก ขณะที่ Particle board บริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนน้อยลง เน้นตัวที่กำไรดีและสินค้าปลายน้ำมากขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนที่ลดลงจากค่าขนส่ง ราคาน้ำมัน ราคาวัสดุอื่นๆ ทำให้ net marginดีขึ้นเยอะ จากฐานของกำไรที่เพิ่มขึ้นมากนี่เอง หากประเมินทั้งปีกำไรไม่หนีหลัก 1,000 ล้านบาท คาดว่า EPS จะราวๆ 0.70 บาทหรือให้ PE เฉลี่ย 15 เท่าย้อนหลัง 3 ปี จะได้เป้า 10.50 บาท จัดเป็นหุ้นอีกตัวที่น่าจะดูดีในระยะนี้ ส่วนกราฟมีสัญญาณดีดตัวมองต้านหน้า 9 บาท