พาราสาวะถีอรชุน

ปลุกกระแสและตั้งท่าจะทำให้สำเร็จกันให้ได้กับกรณีล็อตเตอรี่ขายเกินราคา จากนี้ไปงวดตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน สลากกินแบ่งต้องขายกันที่ราคา 80 บาทเท่านั้น เป็นการใช้อำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 44 โดยหัวหน้าคสช. แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ไหนๆ ก็จะรื้อกันตรงนี้แล้ว อย่าลุยแค่สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดินธุรกิจมืดมูลค่ามหาศาลต้องประกาศแนวทางมาให้ชัดด้วยว่าจะจัดการอย่างไร


ปลุกกระแสและตั้งท่าจะทำให้สำเร็จกันให้ได้กับกรณีล็อตเตอรี่ขายเกินราคา จากนี้ไปงวดตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน สลากกินแบ่งต้องขายกันที่ราคา 80 บาทเท่านั้น เป็นการใช้อำนาจเด็ดขาดตามมาตรา 44 โดยหัวหน้าคสช. แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ไหนๆ ก็จะรื้อกันตรงนี้แล้ว อย่าลุยแค่สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยใต้ดินธุรกิจมืดมูลค่ามหาศาลต้องประกาศแนวทางมาให้ชัดด้วยว่าจะจัดการอย่างไร

ในเมื่อเป็นยักษ์ถือกระบองจะไล่ถองขุดรากถอนโคนกลุ่มคนที่หากินบนความเดือดร้อนของประชาชนคนเสี่ยงโชคจากหวยรัฐบาลแล้ว หวยใต้ดินที่มีผลศึกษาของ สังศิต พิริยะรังสรรค์ พร้อมพวกการันตีชัดเจนว่าเม็ดเงินหมุนเวียนปีละหลายแสนล้านบาท ท่านผู้มีอำนาจต้องใช้มาตรา 44 จัดการให้เด็ดขาดราบคาบ ไม่น่าจะให้ชี้นำว่าต้องทำกันอย่างไร

จะใช้วิธีเหมือนที่รัฐบาลทักษิณเคยทำคือ ขายหวยบนดินสองตัวสามตัวหรือถ้าเหนียมกลัวกลุ่มคนดีจะเล่นงาน ก็เลี่ยงบาลีไปใช้อย่างอื่นได้ ไม่น่ามีปัญหา เพราะหลายอย่างที่ทำมาตั้งแต่คสช.จนเป็นรัฐบาล คนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นประชานิยม แต่ท่านบอกว่าไม่ใช่ ก็ไม่มีใครกล้าหือ เรื่องนี้ก็เช่นกันจะเป็นหวยออนไลน์ หวยขายเพื่อคนจน หวยแก้ปัญหาใต้ดิน อะไรก็สุดแท้แต่จะสรรหามาเรียกคนก็ต้องเชื่อตามนั้น

ฟัง วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยคลังเล่าเป็นฉากๆ ในงานสัมมนาเรื่องแก้ไขกฎหมายสลากฯ โอกาสและความท้าทายสู่การปฏิรูปสลากเพื่อสังคมของสนช. ต้องบอกว่านี่คือปัญหาใหญ่ของระบบราชการคือ รู้ไปหมดแต่แก้อะไรไม่ได้ จะมีข้ออ้างสารพัดสารพัน งานนี้อย่างที่บอกต้องกฎหมายและอำนาจพิเศษเท่านั้นจึงจะสะสางทุกอย่างได้

อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากกรณี มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศถูกหางเลขถอดถอนจากตำแหน่งกรณีทุจริตจีทูจีจากโครงการรับจำนำข้าว ไม่น่าจะส่งผลดีต่อแวดวงราชการ เพราะจะกลายเป็นโจทย์ต่อไปนี้ ระดับผู้บริหารส่วนราชการไม่กล้าที่จะตัดสินใจในเรื่องซึ่งเป็นนโยบาย เนื่องจากเกรงว่าชะตากรรมในบั้นปลายของชีวิตจะจบไม่สวย

แต่เมื่อมองไปยังแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะให้ข้าราชการเป็นใหญ่ ต่อไปฝ่ายบริหารอันหมายถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคงจะไม่มีความหมาย ไม่อยู่ในสายตาของบรรดาข้าราชการทั้งหลาย เพราะสามารถที่จะปฏิเสธการทำตามนโยบายได้ ขนาดถึงขั้นว่าต้องให้สั่งการกันเป็นลายลักษณ์อักษร โอกาสที่จะเห็นประเทศเดินหน้าท่าจะยากเย็นแสนเข็ญ

เหมือนอย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสง เตือนมาดังๆ ทั้งปมการทำประชามติและข้อกังวลเรื่องเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ รัฐบาลใหม่ภายใต้กติกาที่ทำกันอยู่เวลานี้จะบริหารประเทศไม่ได้ เพราะถูกล็อกด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญ เกิดการต่อรองกันทุกหย่อมหญ้าทั้งจากส.ส.หลากหลายพรรค ส.ว.ลากตั้งรวมทั้งข้าราชการที่ตั้งตนเป็นอิสระ

ดังนั้น จึงชัดเจนว่ารัฐบาลที่จะเกิดขึ้นน่าจะมีอายุสั้นมาก การพัฒนาประเทศจะไม่เดินหน้า สุดท้ายประเทศชาติจะเสียหายหลายแสนล้าน เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงลากพ่วงต่อไปถึงการทำประชามติ ข้ออ้างว่างบประมาณดำเนินการ 3 พันล้านบาทจะคุ้มค่าหรือไม่ จึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะถ้าไม่ผ่านความเห็นของประชาชน ความเสียหายที่มากกว่านั้นจะรออยู่เบื้องหน้า

น่าตลกเป็นที่สุดคงเป็นวิธีการตีกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองมีโอกาสได้จัดกิจกรรมเพื่อสะท้อนภาพรวมของความคิดเห็นจากแต่ละพรรคไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยฝ่ายความมั่นคงสรุปเสร็จสรรพ หากปล่อยให้รวมตัวกันจะเป็นปัญหา ทั้งๆ ที่นี่อยู่ในบรรยากาศการปฏิรูปแท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะฟังเฉพาะคนบางพวกบางกลุ่ม

ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถูกคำสั่งห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง เลยหันไปสื่อสารกันผ่านไลน์กลุ่ม รวบรวมความคิดเห็นเตรียมเสนอข้อกังวลเรื่องรัฐธรรมนูญต่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ซึ่งจะว่าตามความจริงแล้ว สำหรับพรรคนี้บางทีถ้านัดพบปะกันอาจจะไม่ถูกดำเนินการใดๆ ก็ได้ คงต้องไม่ถามต่อว่าทำไม

ส่วนพรรคของนายใหญ่ไม่ต้องพูดถึงแค่หายใจก็มีความผิดแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุให้สมาชิกเกือบทั้งหมดไม่มีใครกล้าแสดงออกใดๆ แต่ใช่ว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม วันนี้ในพื้นที่ยังคงมีการทำกิจกรรมเยี่ยมเยือนพบปะประชาชนโดยตลอด อันเป็นกิจวัตรปกติของนักการเมือง แม้บางแห่งจะถูกติดตามอย่างใกล้ชิดจากฝ่ายความมั่นคงก็ตาม

ขณะที่คนแดนไกลดูจากภาพผ่านอินสตราแกรมของลูกสาวคนเล็ก แพทองธาร ชินวัตร ดูท่าจะไม่อินังขังขอบต่อสถานการณ์ในเวลานี้เท่าไหร่ เพราะเร่งฟิตร่างกายขนานใหญ่เพื่อเตรียมอุ้มหลานแฝดจากท้องของลูกสาวคนโตพินทองทา เช่นเดียวกันกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่วันวานเดินสายไปทำบุญที่สระบุรีอย่างสบายใจเฉิบ

เป็นการโลว์โปรไฟล์ของพี่น้องตระกูลชินวัตร แต่ไม่พ้นการถูกจับจ้องจากฝ่ายที่ดูแลความมั่นคง ยังมีความหวั่นเกรงเรื่องแรงกระเพื่อมการปลุกปั่นกันอยู่ ทั้งๆ ที่ดูจากพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตประจำวันแล้ว ไม่ได้มีการแสดงออกที่น่าจะต้องกังวลแต่อย่างใด ผิดกับบางคนที่เริ่มออกมาส่งสัญญาณให้กำลังใจคณะรัฐประหารถี่ยิบ

แค่เปลี่ยนสถานะจากฆราวาสไปครองตนในสมณะเพศ ก็สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะขัดประกาศหรือคำสั่งใดๆ ของคสช. ช่วงนี้ให้กำลังใจคสช. ช็อตต่อไปน่าจะเป็นการเทศนาเพื่อขอร้องไม่ให้พี่น้องชาวสวนปาล์มและสวนยางภาคใต้ออกมากดดันรัฐบาล เอาใจกันเสียขนาดนี้หลังจากทิ้งผ้าเหลืองแล้วคงหนีไม่พ้นถนนสายการเมือง มีเพียงแค่จะกลืนน้ำลายกลับซบพรรคเก่าหรือตั้งกลุ่มการเมืองใหม่เท่านั้นเอง

Back to top button