สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,670.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.52 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.4 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,670.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.52 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.4 หมื่นล้านบาท
* ขาเข้าซื้อสุทธิสถาบันลุยเข้าเก็บไป 614 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติ 83 ล้านบาท ส่วนฝั่งเทขายสุทธิทางบัญชีบริษัทหลักทรัพย์สาดออก 430 ล้านบาท ตามด้วยรายย่อยอีก 267 ล้านบาท
* ช่วงนี้คงต้องบอกให้นักลงทุนดึงสติกันหน่อย หลังจากหลายคนตกอยู่ในภาวะหัวร้อน เพราะเห็นดัชนีวิ่งขึ้นมาสูงแล้วหุ้นหลายตัวอยู่ในแดนเขียว แต่หุ้นพอร์ตตัวเองกลับเป็นสีแดงไม่เปลี่ยน งานนี้ หากยิ่งไปตามโถมใส่ตัวที่บวกขึ้นมาแรงมากแล้ว เท่ากับยิ่งเสียเปรียบเข้าไปใหญ่ เผลอๆ มีโอกาสติดดอยหนักกว่าเดิม เพราะคนอื่นเขามีต้นทุนถูกกว่าเรา ขายตรงไหนก็กำไร
* นิวส์เวฟถึงได้ทักเตือนกันมาเสมอว่า การลงทุนต้องปรับเปลี่ยนพอร์ตไปตามสถานการณ์ ถึงจังหวะมีกำไรและได้ตามเป้าหมายที่ตั้งกันไว้ ต้องปล่อยขายกันออกมาบ้าง หลายคนไปเกรงกลัวและติดกับดักในคำว่า “ขายหมู” เลยยิ่งทำให้เสียโอกาสเข้าไปใหญ่ เนื่องจากสุดท้ายแล้วมัวแต่กลัวไม่กล้าชิงจังหวะขาย ก็เลยอดคว้ากำไร โปรดจำไว้เสมอว่า “อย่ารักหุ้นจนเกินเหตุ เพราะหุ้นไม่ได้รักเรา” ทุกอย่างต้องยืดหยุ่นและแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เสมอ
* เริ่มกันด้วยหุ้นพื้นฐานตัวแรก ADVANC กลับมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจอีกรอบ หลังจากสถานการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 มีกระแสคาดกันออกมาว่า จะได้เห็นกำไรสุทธิประมาณ 7,600 ล้านบาท เท่ากับกลับมาเติบโตขึ้นระดับสองหลักเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนได้อีกครั้ง โดยทางโบรกฯ มองกันว่า งบไตรมาส 3 ที่ดีขึ้นของพี่ใหญ่หุ้นสื่อสาร เป็นผลจากตัวรายได้บริการและฐานผู้ใช้บริการหวนมาเติบโต และผ่านพ้นช่วงภาวะทรงตัวมาแล้วหลายไตรมาส
* แล้วในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของปียังพีคยิ่งขึ้นไปอีก เพราะอย่าลืมนี่คือไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่จะได้รับผลบวกเต็มๆ จากการเปิดตัวของกลุ่มโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เมื่อบวกกับโปรโมชั่นของ AIS ที่มักปล่อยแพ็กเกจมัดใจลูกค้าได้เสมอ จะช่วยผลักดันให้ยอดขายสินค้ารวมถึงฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นชัดเจน และที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ธุรกิจเสือซุ่ม กลุ่มอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่สร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นแบบรวดเร็ว จนกลุ่มหัวแถวเจ้าตลาดยังต้องเสียวหลังวาบ งานนี้ ใครพลาดท่ารับรอง เอไอเอสไฟเบอร์ เสียบตำแหน่งแทนแน่
* หุ้น LPH หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ กลับมาคราวนี้มีของดีมาฝากกันอีกรอบ โดยล่าสุดทางบริษัทมีแผนขายที่ดินย่านลาดพร้าวมูลค่ารวมประมาณ 190 ล้านบาท ซึ่งงานนี้จะทำให้บริษัทมีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินเข้ามาในช่วงปลายปี 60 พร้อมกับผลักดันให้ผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตโดดเด่นได้เลยทันที
* ส่วนในเชิงพื้นฐาน ทิศทางงวดครึ่งปีหลังจะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากกรณีสำนักงานประกันสังคม ได้ปรับขึ้นค่าบริการแพทย์เหมาจ่าย บวกกับช่วงหน้าฝนที่มาเร็วและลากยาวนานกว่าปกติ ได้ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการหนาแน่น ดังนั้น ขอติดตามภาพรวมผลการดำเนินงานโรงพยาบาลลาดพร้าวไว้ด้วย รับรองว่าสว่างสดใสแน่นอน
* หุ้น SPRC โรงกลั่นของดีที่หลายคนมองข้าม โดยหุ้นโรงกลั่นที่น่าสนใจไม่ได้มีแต่เพียงแค่กลุ่มเจ้าตลาดเท่านั้น แต่ SPRC ก็น่าจับตาไม่เบาเหมือนกัน เพราะด้วยฐาน P/E ที่ซื้อขายไม่แพงเพียง 10 เท่า จะสามารถจูงใจได้ไม่ยากแล้ว แต่ทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ยังแข็งแกร่งสุดๆ
* ล่าสุด วงการเงินคาดกันไว้ว่ามีโอกาสทำกำไรสุทธิขั้นต่ำทะลักกว่า 3,000 ล้านบาท เท่ากับโตเกินเท่าตัวจากปีก่อน เป็นผลจากค่าการกลั่นระดับสูง อัตรากำลังผลิตที่มากขึ้น และยังได้ลุ้นบุ๊คสต๊อกเกน ขานรับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นนั่นเอง
* ปิดท้ายด้วย WPH หรือ โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง หุ้นไอพีโอน้องใหม่รายล่าสุด มีกำหนดเข้าเทรดวันที่ 3 ต.ค.นี้กันแล้ว ด้วยราคาเสนอขายไอพีโอ 3.90 บาท ช่วงที่ผ่านมายอดจองหุ้นล้นหลาม ดังนั้น หลายคนที่พลาดโอกาสกันไป เตรียมเข้าเก็บช่วงวันเปิดเทรดครั้งแรกได้เลย เพราะถือเป็นหุ้นพื้นฐานดีอีกหนึ่งบริษัท ที่คู่ควรต่อการมีไว้ติดพอร์ตลงทุนอย่างแน่นอน *