SET Sideway Up เคาะ 7 หุ้นเด่นเน้นเก็งกำไร

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ แต่ภาพรวมยังเป็นบวก การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และรับผลดีจากเงินบาทที่อ่อนค่า


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.40 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.41 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มขึ้นเช้านี้ สอดคล้องกับทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืน ขานรับแผนการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยทรัมป์เชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ แต่ภาพรวมยังเป็นบวก การลงทุนเน้นกลุ่มที่ได้ผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และรับผลดีจากเงินบาทที่อ่อนค่า หุ้นเด่นเลือก KCE, HANA, GFPT, BEAUTY, MINT, ESSO, WHA, AMATA, SCB และ TPIPL

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (28 ก.ย.) คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เล็งแรงหนุนจากกลุ่ม Domestic Plays อย่างกลุ่มแบงก์, อสังหาริมทรัพย์ที่น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ขึ้นเป็น 3.8% และกลุ่มแบงก์ก็จะเป็นกลุ่มแรกที่รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ออกมาด้วย โดยรวมตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์และเลือกซื้อหุ้นเป็นรายตัว

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งตัวอิงลบเล็กน้อย เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า และธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ ประกอบกับเมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษี โดยปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% โดยแนะนำหุ้นเด่นของวันนี้คือ หุ้น SCB และ TPIPL เนื่องจากยัง Laggard พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,665-1,675 จุด

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) ว่า SET อาจ “ผันผวน” ช่วงปลายตลาดวันนี้จากการทำราคาปิดสัญญา Futures S50U17 ที่จะหมดอายุวันนี้ แต่ภาพประเมินแนวโน้มระยะสัปดาห์เป็น “บวก” ด้วยเป้าหมาย 1,690 +/- จุด เหมือนเดิม…ธปท. ปรับคาดการณ์ GDP ปี 2017-18 ขึ้นเป็น 3.8-3.8% (เดิม 3.5-3.7%) จากการบริโภค และการส่งออกเร่งตัวขึ้น ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังต่ำส่งผลดอกเบี้ยต่ำยาว เอื้อต่อการลงทุนหุ้นผ่าน earnings yield gap ที่ยัง “สูง”

1) ร่างกฎหมาย EEC จะถูกพิจารณาโดย สนช.วันนี้ มองเป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ ในการ unlock มูลค่าที่ดินออกมาได้เร็วขึ้น : “ซื้อ” AMATA (ราคายังต่ำกว่า NAV ของมูลค่าที่ดินกว่า 60%) WHA

2) Laggard play ที่คาดการณ์กำไร 3Q17 ออกมาดี : “ซื้อ” ESSO (ค่าการกลั่นสูง ไม่มีปิดโรงกลั่น และคาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมหมดเปิดทางจ่ายปันผลสิ้นปีนี้) MINT (Laggard play ในกลุ่มโรงแรมที่กำไรเติบโตดี)

3) “ซื้อ” BEAUTY  คาดกำไร 3Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ +42% y-y, +10% q-q

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (28 ก.ย.) วางแนวรับที่ 1,660 จุด กรณียืนได้ดัชนี SET ยังอยู่ในแนวโน้ม Sideway Up โดยมีแนวต้าน 1,680 จุด แนะนำเก็งกำไร AMATA, WHA (+ การลงทุนฟื้นตัวจากการผ่าน พ.ร.บ. EEC) / หุ้นกลุ่มส่งออก KCE, HANA, GFPT จากทิศทางค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า

Back to top button