สวิงจนน่ากลัว
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ เพราะการแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบของดัชนีในเที่ยวนี้ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการหายใจไม่ทั่วท้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังภาพการเคลื่อนตัวหลักโอนเอนไปในทิศทางแกว่งตัวลงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับปัจจัยบวกใหม่ที่เข้าจะเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นก็ยังเป็นเพียงวิมานเมฆเสียด้วยแบบนี้ น้องโมพูดได้ทันทีว่า อย่าไว้ใจอะไรเด็ดขาดนะคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในยามนี้เป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ เพราะการแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและแดนลบของดัชนีในเที่ยวนี้ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการหายใจไม่ทั่วท้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังภาพการเคลื่อนตัวหลักโอนเอนไปในทิศทางแกว่งตัวลงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับปัจจัยบวกใหม่ที่เข้าจะเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นก็ยังเป็นเพียงวิมานเมฆเสียด้วยแบบนี้ น้องโมพูดได้ทันทีว่า อย่าไว้ใจอะไรเด็ดขาดนะคะ
*เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนยังกลิ้งไปกลิ้งมา รวมถึงท่าทีของนักลงทุนสถาบันเริ่มออกลูกแทงกั๊ก ย่อมทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนักขึ้นเรื่อยๆ “โมนิก้า” ถึงมองไม่อยากจะเชื่ออะไรง่ายๆ อีกต่อไป เพราะมักโดนหลอกให้อยากแล้วจากไปเป็นประจำ ขนาดช่วงเช้าเห็นดันดัชนีกันเย้วๆ พอสายมานิดหนึ่งก็เริ่มขาย พอตกบ่ายก็สั่งเทกระจาดกันอย่างเต็มเหนี่ยว..เม่าต้องอยู่ให้เป็นนะจ๊ะ
*ประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นดูได้จากวานนี้ดัชนีถีบตัวขึ้นไปยืนที่ระดับ 1,675.32 จุด ต่อจากนั้นไหลลงมาเรื่อยๆ จนลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,660.29 จุด ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,666.36 จุด ลบไป 3.91 จุด ด้วยมูลค่า 6.15 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่น่าปวดหัวเหลือเกินสำหรับพวกแมงเม่าปีกอ่อน ส่วนม้าแก่ชำนาญทางย่อมเข้าใจยุทธการ “ลากทุบ..ทุบลาก” กันเป็นอย่างดีพะยะค่ะ
*กรณีนี้ดูได้จากหุ้นพิมพ์นิยม SUPER โดนเทขายทั้งที่เพิ่งขึ้นได้ไม่กี่วัน และกำลังพยายามตั้งลำเพื่อวิ่งขึ้นรอบใหม่ แต่ทำไปทำมาอีท่าไหนไม่รู้? หุ้นไหลลงมายืนอยู่ที่ 1.28 บาท ลบไป 0.02 บาท ด้วยมูลค่า 367 ล้านบาท “โมนิก้า” คงต้องไปเรียก เฮีย ป. (ไม่ใช่ป่อเต็กตึ๊ง) มาไขข้อข้องใจโดยด่วน เพราะเป็นคนที่อยู่กับดีลตัวนี้มาตั้งแต่ต้น และเพื่อเป็นการสยบข่าวเม้าท์เฮียปันใจไปให้กับหุ้นร้อนตัวอื่น..เฮียต้องตอบนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ BFIT มีของดีอยู่กับตัวเองแท้ๆ แต่กลับอมพะนำอะไรไว้ในปากก็ไม่รู้ จึงไม่ยอมปริปากบอกของดีที่ซ่อนไว้มันคืออะไร? ส่วนนักเล่นบางกลุ่มที่อ่านเกมออกก็กระโจนเข้าใส่อย่างอุตลุด จนหุ้นวิ่งขึ้นไม่ยอมหยุดสักที จากช่วงต้นเดือนยืนแกว่งกระโปรงไปมาแถว 18 บาท ล่าสุดหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ระดับ 31 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 7.80% ด้วยมูลค่า 316 ล้านบาท มันธรรมดาซะที่ไหน?..อิอิอิ
*เหมือนกับกรณีของอดีตดาวรุ่งหุ้นไอที SMT กระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 4.20 บาท บวกไป 0.44 บาท หรือขึ้นไป 11.70% ด้วยมูลค่า 153 ล้านบาท แถมเป็นการทะยาน 2 วันติด “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่มีนัยสำคัญสำหรับพวกขาซิ่งอย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยบิ้วท์กระแสกันมันๆ ในลักษณะนี้ แต่สุดท้ายคนลุกทีหลังก็ต้องจ่ายรอบวงทุกทีนะจะบอกให้
*อีกหนึ่งตัวเปรียบเทียบที่น่าสนใจสุดๆ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง KCM กลายเป็นหุ้นร้อนที่บรรดากูรูร้องไอ้หยากันเลยทีเดียว! เพราะส่องไปส่องมาก็ยังไม่เห็นทีเด็ดที่จะทำให้หุ้นพุ่งกระฉูดขนาดนั้น วานนี้ถึงมีแรงเทขายพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ จนทำให้ราคาหุ้นที่เคยพุ่งขึ้นไปยืนแถว 1.85 บาทในช่วงเช้า เริ่มทรุดตัวลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1.39 บาท ลบไป 0.09 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่า 316 ล้านบาท น่าจะจบเกมแล้วค่ะท่าน!
*ประเด็นดังกล่าวทำให้เดี๊ยนต้องหันมามอง ESSO เพื่อเตือนให้มิตรรักแฟนเพลงระวังมากเป็นพิเศษ หลังหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 12.20 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.30% ด้วยมูลค่า 757 ล้านบาท แถมเป็นการยืนปิดใกล้แนวต้านเก่าบริเวณ 12.50 บาทเป็นครั้งที่ 2 น้องโมถึงอยากให้ผู้เล่นเผื่อใจสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ไว้บ้าง เพราะก่อนหน้านี้มักดันสุดซอยแล้วปล่อยร่วงหนักนะซี
*ปิดท้ายวันนี้ “โมนิก้า” ขอเจียดพื้นที่ให้กับเรื่องฉาวๆ คาวๆ สไตล์เจแปนนีสปนไทยอีกสักหนึ่งวัน! เพราะหลังจากวันก่อนที่ขาใหญ่หุ้นลีสซิ่งสีเทา GL ทุบเม่าไทยไส้แตกมาแล้วครั้งหนึ่ง วานนี้ยังมิวายโดนลากไส้ที่ถูกทุบละเอียดแล้วไปสวาปามกันจนชุ่มฉ่ำ โดยราคาเปิดมาถึงจุดสุดยอดของวันที่ 23.80 บาท ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 21.80 บาท หรือคิดเป็นการสวิงริงโก้เกือบ 9% ก่อนขึ้นมาปิดตลาดที่ 22.40 บาท ลบไป 1.10 บาท ด้วยมูลค่า 984.43 ล้านบาท เดี๊ยนบอกได้คำเดียว “ตายเรียบ!” เจ้าค่ะ
*เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดได้ว่า วันนี้เดี๊ยนคงยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีกหน้ากากบรรดานักเรียนโข่งจากหลักสูตรที่ว่ากันว่าเป็น “ที่สุดของความมั่งคั่ง” กับ ดร.คนดังผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมครั้งนี้ เพื่อให้มิตรรักแฟนเพลงได้ยลโฉมกันในทีเดียว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันบ่งชี้อยู่แล้วว่า “ยุทธการลากหุ้นปล่อยของ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีสมคบคิดระหว่างคนกลุ่มนี้กำลังจะจบสิ้นลงในอีกไม่ช้า พร้อมยังได้ฝากแผลลึกไว้แก่กันและกันอย่างเลือดเย็นจากปรากฏการณ์หนีตายอีกด้วย!
*สิ่งที่จะต้องทำต่อจากนี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเฝ้าดูราคาหุ้นขาลงว่าจะเริ่มสะเด็ดน้ำเมื่อไหร่ ซึ่งทฤษฎีที่น่าจะใช้ได้ผลมากสุดในยามที่หุ้นได้รับความบอบช้ำจากการปั่นเพื่อออกของ และในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานแท้จริงของหุ้นตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีคือ “ขึ้นมาเท่าไหร่ ลงไปเท่านั้น” แต่หากจะมีอะไรเกิดขึ้นแบบผิดเพี้ยนไปจากนี้ เดี๊ยนก็ขอให้แฟนคลับที่เคารพรักทุกท่านไปทวงถามเอากับกลุ่มอาเฮีย อาซ้อ เสี่ย เซียนหรืออีตาดร.คนดังกันดูแล้วกันนะเจ้าคะ อิ อิ อิ