เปิด 39 หุ้น“บลูชิพ”แรงในรอบ 9 เดือน พร้อมชู 6 หุ้นราคาถูกน่าเก็บ!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-29 ก.ย.60 ซึ่งพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาปรับตัวขึ้นมากกว่าลง โดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 39 ตัว และมีหุ้นปรับตัวลดลงเพียง 10 ตัว
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-29 ก.ย.60 ซึ่งพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาปรับตัวขึ้นมากกว่าลง โดยหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมีทั้งหมด 39 ตัว และมีหุ้นปรับตัวลดลงเพียง 10 ตัว และอีก 1 ตัว ราคาไม่เปลี่ยนแปลงดังตารางประกอบดังนี้
สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 8.44% โดยเทียบจากดัชนียืนอยู่ที่ระดับ 1542.94 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ระดับ 1673.16 จุด ( 29 ก.ย.60) บวกไป 130.22 จุด ส่วนดัชนี SET50 ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น 10.79% จากดัชนีที่ยืนอยู่ที่ระดับ 964.84 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ 1068.92 จุด ( 29 ก.ย.60) บวกไป 104.08 จุด
โดยปัจจัยที่เข้ามาหนุนให้ภาวะตลาดปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง อาทิ แนวโน้มเศรษฐกิจที่เร่งตัวใน 1-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งกำไร SET ทำจุดสูงสุดใหม่ บวกกับการเมืองมีเสถียรภาพ หนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และพัฒนาโครงการ EEC มีความต่อเนื่อง ขณะเดียวกันแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นรายตัวที่คาดว่าผลงานไตรมาส 3/60 จะออกมาดียิ่งทำให้ดัชนีเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 23 ปี
ทั้งนี้หุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 39 ตัว ประกอบด้วย DTAC, AOT, SPRC, MTLS, CPN, IRPC, ADVANC, EA, TOP, TISCO, IVL, GPSC, PTTGC, TMB, HMPRO, BH, KKP, EGCO, BBL, KBANK, INTUCH, CBG, MINT, GLOW, TCAP, PTT, BPP, BEM, RATCH, DELTA, CPALL, KTB, BJC, PSH, SCCC, ROBINS, LH, SCC และ SCB โดยจำนวนดังกล่าวมีหุ้น 27 ตัวที่ให้ผลตอบแทนชนะตลาดฯ
ด้านหุ้นที่ปรับตัวลดลงมีทั้งหมด 10 ตัว อาทิ TU, PTTEP, BANPU, TPIPL, CPF, GLOBAL, BDMS, TRUE, BLA และ KCE อย่างไรก็ตามหุ้นที่ปรับตัวลดลงหากมองอีกด้านหนึ่ง ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เก็บหุ้นพื้นฐานแกร่งราคาถูก เพราะอย่าลืมว่าหุ้นดังกล่าวยังทำกำไรได้ดี และเป็นที่สนใจสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ขณะเดียวกันการสำรวจครั้งนี้มี 6 หุ้นราคาถูกอาทิ TRUE, PTTEP, BBL, TCAP, KTB และ TPIPL เนื่องจากมีค่า P/E ต่ำกว่าตลาดฯล่าสุดอยู่ที่ระดับ 18 เท่า (4 ต.ค.) และ P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า ตรงนี้น่าจะเป็นทางเลือกให้นักลงทุนได้เข้าเก็บหุ้นอีกครั้ง
อนึ่งโดยทั่วไปหุ้นที่มี P/E ratio สูงหมายถึงว่าเรายอมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อหุ้นตัวนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นอีกตัวที่มี P/E ต่ำกว่า ดังนั้นหลายคนมักจะบอกว่า หุ้นที่มี P/E ratio สูงๆ คือหุ้นที่แพง และหุ้นที่มี P/E ratio ต่ำๆ คือหุ้นที่ถูก ดังนั้น การซื้อหุ้นที่มีราคาถูก น่าจะมีโอกาสกำไรมากกว่าซื้อหุ้นที่แพง
ส่วนค่า P/BV (Price/Book Value) ตัวเลขมาตรฐานที่มักจะใช้เป็นฐานก็คือ 1 เท่า หากสามารถซื้อหุ้นที่มีค่า P/BV น้อยกว่า 1 ได้ก็หมายความว่านักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัท)
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน