พาราสาวะถี
คำชี้แจงของ สรรเสริญ แก้วกำเนิด ต่อข้อคลางแคลงใจเรื่องโรดแมปของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามคำสัญญาและเบื่อที่จะอธิบายซ้ำซาก สะท้อนภาพของพวกที่ชอบใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทุกอย่างอยู่ที่การทุบโต๊ะ ทั้งๆที่รู้ว่าโรดแมปเลื่อนมาแล้วกี่หน แต่ก็ยังอยากจะให้คนส่วนใหญ่เชื่อตามที่ตัวเองวาดภาพไว้
อรชุน
คำชี้แจงของ สรรเสริญ แก้วกำเนิด ต่อข้อคลางแคลงใจเรื่องโรดแมปของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามคำสัญญาและเบื่อที่จะอธิบายซ้ำซาก สะท้อนภาพของพวกที่ชอบใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทุกอย่างอยู่ที่การทุบโต๊ะ ทั้งๆที่รู้ว่าโรดแมปเลื่อนมาแล้วกี่หน แต่ก็ยังอยากจะให้คนส่วนใหญ่เชื่อตามที่ตัวเองวาดภาพไว้
เมื่อเป็นเช่นนั้นแทนที่คำยืนยันของกระบอกเสียงรัฐบาลจะช่วยทำให้คนเชื่อมั่นมากขึ้น กลับเป็นไปในทิศทางตรงข้ามเสียฉิบ และสามารถฟันธงได้ทันทีว่าเลือกตั้งไม่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2561 นี้แน่นอน ส่วนจะใช้คำอธิบายอย่างไร ต่อการไม่เป็นไปตามคำสัญญาไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการที่จะทำให้ทุกคนเชื่อเช่นนั้น โดยเฉพาะบรรดากองเชียร์ที่หลับหูหลับตาสนับสนุน
ถ้าโรดแมปเลื่อน นั่นเป็นอีกเรื่องแต่สิ่งที่จะเลื่อนไม่ได้คือ กลไกที่จะต้องเดินหน้าตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้เรื่องต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดก็ต้องเริ่มเดินหน้า อาทิ การสรรหาคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ภายใน 180 วัน หรือ 6 เดือน แต่ยังไม่สามารถจัดให้มีการประชุมได้ แต่ขณะนี้ยังขัดกับคำสั่งคสช. ที่ปิดไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม แม้กฎหมายจะประกาศใช้ แต่พรรคการเมืองยังทำอะไรไม่ได้
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เวลานี้พรรคการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคขนาดกลางที่ถนอมตัวแสดงท่าทีแทงกั๊กมาโดยตลอดอย่างพรรคภูมิใจไทย จะออกมาเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจปลดล็อคให้พรรคดำเนินกิจกรรม ต้องไม่ลืมว่าตามกฎหมายใหม่นั้น พรรคที่จะมีปัญหาหากเวลาทอดยาวออกไปเรื่อยๆ คือ พรรคขนาดกลางและเล็ก
แต่คงเป็นไปตาม นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากค่ายพรรคเก่าแก่ดักคอไว้ คสช.คงไม่ปลดล็อคให้ดำเนินกิจกรรมได้อย่างอิสระร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าในมุมของคนประชาธิปัตย์ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าหมายถึงอะไร สำหรับพรรคที่สนับสนุนหรือแอบหนุนหลังคณะรัฐประหารแล้วคงไม่มีปัญหาใดๆ แต่หากเป็นพรรคที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ถ้าปล่อยอิสระก็รู้อยู่เต็มอกว่าจะเป็นหนามยอกอกอันสำคัญต่อผู้มีอำนาจ และอาจเกิดแรงกระเพื่อมอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาได้
ด้วยบริบทเช่นนี้การปลดล็อคจึงต้องเป็นไปด้วยความสุขุมคัมภีรภาพ ปล่อยวางอย่างมีเงื่อนไข ซึ่งในจังหวะที่ยังมีมาตรา 44 อยู่ในมือ จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่ากังวลแต่อย่างใด ในทางตรงข้าม หากแสดงความจริงใจด้วยการเปิดโอกาสให้ตามที่กฎหมายกำหนด น่าจะได้ใจและสร้างภาพให้เกิดความเชื่อถือ เชื่อมั่นได้มากกว่าการแทงกั๊ก มาถึงตรงนี้เชื่อแน่ว่าเกมการเมืองควรเคลื่อนอย่างไรท่านผู้นำและบรรดามือทำงานการเมืองทั้งหลายต่างรู้ดี
สิ่งสำคัญที่ผู้มีอำนาจพึงระวังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อน่าจะเป็นความสามารถในการแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนและปมความโปร่งใสในการบริหารโครงการต่างๆ มากกว่า ที่ถูกวิจารณ์หนักในช่วงนี้หนีไม่พ้นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน อย่างแรกคือความไม่พร้อมของเครื่องรูดปรี๊ดและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
ทว่าก็เห็นความตั้งใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปจัดการปัญหาในทันทีทันใด พร้อมสั่งยกเลิกร้านค้าที่ละเมิดระเบียบ กติกาแบบฉับพลัน แต่สิ่งที่น่าสนใจคงเป็นการทักท้วงผ่านแถลงการณ์ของ ศรีสุวรรณ จรรยา ในนามสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดเอื้อประโยชน์ธุรกิจให้เจ้าสัวผ่านบัตรคนจน
ในมุมมองของศรีสุวรรณเห็นว่า การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจ “เจ้าสัว” นายทุนใหญ่เจ้าของสินค้าอุปโภค-บริโภคขนาดใหญ่ที่ส่งผ่านสินค้าไปยังตัวแทนผู้จำหน่ายในรูปร้านธงฟ้าประชารัฐแทบทั้งสิ้น ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ก็จะมาจากบริษัทใหญ่ไม่กี่ราย ขณะที่สินค้าจากชาวบ้าน สินค้าเอสเอ็มอี จากกลุ่มผู้ผลิตในท้องถิ่นผู้ผลิตขนาดเล็กและขนาดย่อมที่ไม่มีไลน์ธุรกิจที่สามารถดีลซื้อขายกับร้านค้าที่กรมการค้าภายใน กรมบัญชีกลางกำหนดได้
การดำเนินโครงการนี้จึงเท่ากับใช้คนจนเป็นข้ออ้างเพื่อประโยชน์ต่อธุรกิจนายทุนหรือเจ้าสัวโดยตรง ทุกครั้งที่คนจนไปรูดบัตรแลกสินค้าเงินก็จะไหลจากบัญชีรัฐไปเข้ากระเป๋าเจ้าสัวมากมายมหาศาลทุกๆ เดือน โดยที่คนจนไม่มีสิทธิเห็นเงินเลยแม้สลึงเดียว และที่สำคัญร้านธงฟ้าประชารัฐไม่ได้มีสาขาหรือจุดบริการกระจายเป็นการทั่วไปทุกตำบล ทุกหมู่บ้านเหมือนร้านโชว์ห่วยของชาวบ้านด้วยกันเอง
ไม่เพียงเท่านั้น ศรีสุวรรณยังมองข้ามช็อตด้วยความสงสัยว่ารัฐบาลเร่งรีบผลักดันโครงการดังกล่าวออกมาเพื่อปูฐานเสียงให้ประชาชนนิยม เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเพื่อรองรับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันในการเลือกตั้งในปีหน้ามากกว่าการจะแก้ไขปัญหาให้คนจนหรือไม่ และการที่นายกฯออกมาพูดเสมอว่าจะไม่ลงเล่นการเมืองนั้น ณ เวลานี้จะมีคนไทยสักกี่คนที่เชื่อคำพูดพลเอกประยุทธ์ได้
เพราะแม้แต่การประกาศให้มีการเลือกตั้งยังตระบัดคำพูดของตนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วยิ่งกว่าพิน็อคคิโอในนิยายเสียอีก ที่สำคัญการดำเนินโครงการและใช้จ่ายเงินของรัฐตามโครงการดังกล่าวอาจขัดต่อมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 และแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยการทุจริตต่อหน้าที่ และกฎหมายว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2542 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาดังกล่าวกระบอกเสียงรัฐบาลได้ออกมาตอบโต้ทันทีโดยยืนยันไม่มีล็อกสเปก อุ้มเจ้าสัวร่วมโครงการ พร้อมเปิดกว้างผู้ผลิตทุกรายร่วมขายสินค้า เรื่องพรรค์นี้แม้จะมีคำอธิบายแต่ความเคลือบแคลงก็ไม่ได้หมดไปเสียทีเดียว มิหนำซ้ำ หากมีการตอกย้ำกันบ่อยครั้งนอกจากสงสัยไม่หาย ยังจะกลายเป็นความเชื่อและพาลกระทบไปถึงความเชื่อถือ เชื่อมั่นของผู้มีอำนาจด้วย เช่นเดียวกับกรณีโรดแมปเลือกตั้ง การไม่สืบทอดอำนาจ และการปล่อยให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอย