ดักเก็บ BBL ก่อนเปิดงบ Q3 ลุ้นทะลุ 8.3 พันลบ. รอรับปัจจัยบวกหนุนเพียบ!

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3/60 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ มองว่า BBL จะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ความชัดเจนในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลให้เม็ดเงินจาก Fund Flow ไหลเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอาจมีการบันทึกยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากการปล่อยเงินกู้ให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง

ขณะที่ราคาหุ้น BBL ปิดตลาดวานนี้ (11 ต.ค.) อยู่ที่ 190 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.26% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 222 บาท อยู่ 17%

 

โดยนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมาย 222 บาทต่อหุ้น อิง P/BV ที่ 1x ซึ่งได้รับผลดีโดยตรงจากการเร่งการลงทุนของภาครัฐ และจะเห็นการเร่งตัวมากขึ้นของสินเชื่อได้ดีในปีหน้า

ล่าสุด BBL ร่วมปล่อยกู้บริษัทร่วมทุนกลุ่มบีทีเอสโครงการรถไฟฟ้าสาย สีชมพู-เหลือง กว่า 6.33 หมื่นล้าน เผยเป็นสินเชื่อระยะยาวใช้ก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านการขนส่ง เชื่อช่วยกระตุ้นลงทุนเอกชน หนุนการจ้างงาน-บริโภคได้ โดยบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ยังคงชอบ BBL เนื่องจากเป็นผู้นำด้านสินเชื่อรายใหญ่ (สัดส่วนสูงถึง 41% ของสินเชื่อรวม)

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “สะสม” BBL ให้ราคาเป้าหมายที่ 220 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/60 โต 4.2% จากปีก่อนและ 4% จากปีก่อนเป็น 8.38 พันล้านบาท

รวมทั้งคาดว่า BBL จะเป็นธนาคารที่ได้อานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากการฟื้นตัวของสินเชื่อภาคธุรกิจ และประเมิน Valuation laggard โดยมี PBV ที่ยังต่ำเพียง 0.94 เท่า โดยค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 1.4 เท่า

นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากประเด็นกำหนดช่วงเวลาการเลือกตั้งที่ชัดเจนประมาณเดือนพ.ย.61 โดยคาดว่าเป็นบวกต่อเม็ดเงิน Fund Flow ที่จะไหลเข้าไทย โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยัง Laggard ตลาด

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากกรณีที่ BBL ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ปล่อยกู้รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง 6.3 หมื่นล้านบาท โดยธนาคารลงนามกับผู้ร่วมลงทุนประกอบด้วย BTS-STEC-RATCH

ขณะที่ BBL ปล่อยกู้ 33% ของวงเงินรวมและเป็นผู้นำในการจัดหาเงินกู้สนับสนุนโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายดังกล่าวโดยมีวงเงินสินเชื่อระยะยาว (Term Loan) ในรูปแบบการปล่อยกู้ร่วม (Syndicated Loan) ทยอยเบิกจ่ายตั้งแต่เดือนมิ.ย. 60 จึงคาดว่า ผลบวกจะตกกับกลุ่มธนาคารเป็นส่วนใหญ่ในการเพิ่มยอดสินเชื่อและสร้างรายได้ดอกเบี้ย