เหนื่อยแน่!โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินได้ฟังเหล่านักเล่นหุ้นทั่วสารทิศร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า อุ๊ยแม่เจ้า! หลังดัชนีเซถลาลงหนักตั้งแต่เปิดการซื้อขาย ทำเอาอกอีแป้นจะแตก! ก็พี่ท่านเล่นถล่มหุ้นบลูชิพเสียจนราบเป็นหน้ากลอง ตัวไหนที่ว่า เก๋าๆ แน่ๆ โดนสาดออกมาแค่ไม่กี่รอบ ก็ลงมานอนกองอยู่กับพื้น ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหืออือ บรรยากาศการลงทุนถึงดูอึมครึมตลอดทั้งวันไงล่ะค่ะ


*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้ยินได้ฟังเหล่านักเล่นหุ้นทั่วสารทิศร้องอุทานเป็นเสียงเดียวกันว่า อุ๊ยแม่เจ้า! หลังดัชนีเซถลาลงหนักตั้งแต่เปิดการซื้อขาย ทำเอาอกอีแป้นจะแตก! ก็พี่ท่านเล่นถล่มหุ้นบลูชิพเสียจนราบเป็นหน้ากลอง ตัวไหนที่ว่า เก๋าๆ แน่ๆ โดนสาดออกมาแค่ไม่กี่รอบ ก็ลงมานอนกองอยู่กับพื้น ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหืออือ บรรยากาศการลงทุนถึงดูอึมครึมตลอดทั้งวันไงล่ะค่ะ

*ครั้นจะไปสอบถามจากปากผู้คุมกฎทั้งในส่วนของ ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คงไม่ได้ความอะไรทั้งสิ้น เพราะหน่วยงานดังกล่าวถนัดเรื่องเพลย์เซฟ ไม่ชอบแสดงความคิดเห็นอะไรที่เป็นการชี้นำ แมงเม่าถึงต้องคลำหาทางกันเอาเอง พอจะหันหน้าไปพึ่งพิงในส่วนของโบรกเกอร์ คำพูดแรกที่ได้ยินมาแต่ไกลคือ ขายก่อนเถอะ! ดัชนีกำลังเสียศูนย์อย่างหนักเจ้าค่ะ

*ปัจจัยข้างต้นเหล่านี้ทำให้ดัชนีรูดลงไปถึงระดับ 1,478.90 จุดในช่วงบ่ายแก่ๆ แต่พอถึงช่วงท้ายตลาดกลับมีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนี จนวิ่งขึ้นมาปิดที่  1,485.72จุด ลบไป 15.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.60 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักเล่นต้องคิดหนัก เพราะอาการที่เกิดขึ้นในคราวนี้เป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยน่าเป็นห่วงมากๆ นะจะบอกให้

 *เมื่อแลซ้าย แลขวา มองหน้า มองหลัง ล้วนมีแต่ข่าวที่น่าปวดตับ ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้ชื่นใจแบบนานๆ เลยสักเรื่อง ทุกอย่างผ่านเข้ามาในวันนี้ แล้วผ่านเลยไปในวันรุ่งขึ้น พวกศาสดาสำนักต่างๆ ถึงแนะนำให้ขายหุ้นเมื่อดีดตัวขึ้นแรง และตรรกะดังกล่าวก็เป็นเหมือนตัวนำทางที่บอกให้รู้ว่า เข้าเล่นหุ้นจังหวะนี้มีโอกาสเจ็บตัวสูง เพราะนักลงทุนแต่ละกลุ่มสับขาหลอกตลอดเวลานะซี

*คิดดูแล้วกัน! วันก่อนนักลงทุนสถาบันเข้าซื้อหุ้น พอถึงวานนี้นักลงทุนสถาบันขายหมดทุกคน “โมนิก้า” ถึงมองไม่เห็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างมั่นคง แถมช่วงนี้มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวผู้บริหารในทางลบเยอะแยะไปหมด เท่ากับเป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของหุ้น บวกกับในช่วงที่ผ่านมามีหุ้นพื้นฐานดีหลายตัวขึ้นเครื่องหมาย XD สถานการณ์ถึงดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ IFEC มีข่าวลือทางลบเกี่ยวกับตัวผู้บริหารเยอะแยะ และยังถูกจับโยงไปเกี่ยวกับวัดจานบิน จนกุนซือใหญ่ต้องร้อยท่อต่อสายตรงเพื่อชี้แจงเรื่องต่างๆ “โมนิก้า” ถือเป็นวิบากกรรมที่ผู้บริหารต้องผจญอีกพักใหญ่ๆ และทางแก้เดียวมีแค่ต้องทำผลงานให้ทุกคนได้ประจักษ์ เพียงเท่านี้ก็ทำให้หุ้นขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 9.75 บาท ลบไป 0.45 บาท หรือลงไป 4.40% ทั้งที่ช่วงเช้าโดนกระหน่ำเทขายจนลงไปกองอยู่ที่ 8.65 บาท แสดงว่า หายตกใจแล้วล่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ TRC  และCSS  ทั้งสองตัวโดนถล่มอย่างหนัก โดยรายแรกปิดที่ 1.72บาท ลบไป 0.40 บาท  หรือลงไป 19% ส่วนรายหลังลงมาปิดที่ 6 บาท ลบไป 1.25บาท หรือลงไป 17% แท้ที่จริงเกิดจากการขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำ พอผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวไปได้สักระยะหนึ่ง ราคาหุ้นจะฟื้นกลับมาที่เดิม หากตัวเลขกำไรออกมาดีนะจะบอกให้

*เม้าท์ถึงการฟื้นตัวของหุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเหลือบดูหุ้น ML ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจับโยงไปเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ แถมยังมีการอ้างชื่อ เสี่ย ย. เข้ามาเป็นโต้โผใหญ่เรื่องเคลียร์พื้นที่ ช่วงนั้นราคาหุ้นถึงเด้งได้เด้งดี บวกกับมีข่าวเรื่องนาโนไฟแนนซ์เข้ามาเติมเชื้อไฟ จึงเห็นหุ้นขึ้นไปเพ่นพ่านแถว 4 บาท แต่ล่าสุดหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 1.86บาท ลบไป  0.20บาท หรือลงไป 9.70% ด้วยวอลุ่มที่เบาบาง แสดงว่าไม่ใครอยากถือหุ้นแล้วนะเนี่ย

*เหมือนกับกรณีของ AJP ไม่ว่าจะเป็น วันวาน วันนี้ หรือ วันหน้า “โมนิก้า” ยังคงรู้สึกไม่ดีกับหุ้นตัวนี้อยู่ดี ก็ในเมื่อทุกอย่างยังพายเรือวนอยู่ในอ่าง แถมเป็นหุ้นที่ทางการจับตาดูอย่างใกล้ชิด โอกาสที่หุ้นจะทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งคงเป็นได้แค่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม เดี๊ยนถึงไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้อีกต่อไป ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 11 บาท บวกไป 0.40บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 125 ล้านบาท มีนัยสำคัญหรือไม่? ลองไปคิดกันเอาเองนะค่ะ

*ตรงกันข้ามกับในรายของ TVT พอเริ่มประคับประคองตัวเองได้ในระดับหนึ่ง บวกกับคนวงในยังเชื่อมั่นในตัวคนทำดีล สถานการณ์ของหุ้นก็เริ่มดูดีขึ้น “โมนิก้า” ในฐานะคนชอบเผือกเรื่องชาวบ้านเป็นชีวิตจิตใจ ถึงกับต้องชะเง้อหน้าหันมามองหุ้นตัวนี้ในทันที หลังหุ้นไต่ขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ก่อนจะปิดที่ระดับ 2.14บาท บวกไป 0.24บาท หรือขึ้นไป 12.60% ด้วยมูลค่า 560 ล้านบาท มันเป็นอะไรที่น่าติดตามดูเป็นอย่างยิ่ง..อิอิอิ

*ป.ล. ก่อนจากกันขอเม้าท์สักนิดหนึ่ง ปัญหาหนี้ของกรีซคงไม่จบลงง่ายๆ และน่าจะเป็นตัวถ่วงความเจริญของหุ้นทั่วโลกไปอีกพักใหญ่ๆ จึงต้องเผื่อใจด้วยว่า หนทางของตลาดหุ้นหลังจากนี้จะเต็มไปด้วยขวากหนาม และยุทธวิธีที่ดีสุดในจังหวะนี้คือ “คิดเร็ว ทำเร็ว” นะจะบอกให้

Back to top button