หุ้นเด่นกลุ่ม mai ประจำเดือนกันยายน

หากย้อนกลับไปดูภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2560 นับว่าสดใสเป็นอย่างมาก สามารถไต่ระดับขึ้นมาปิด ณ วันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 1,673.16 จุด จากแรงผลักดันของดัชนีหุ้นทุกกลุ่มต่างปรับตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม SET50, SET100 และกลุ่มตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่างปรับตัวขึ้นทั่วหน้า


เส้นทางนักลงทุน

หากย้อนกลับไปดูภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2560 นับว่าสดใสเป็นอย่างมาก สามารถไต่ระดับขึ้นมาปิด ณ วันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 1,673.16 จุด จากแรงผลักดันของดัชนีหุ้นทุกกลุ่มต่างปรับตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม SET50, SET100 และกลุ่มตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ต่างปรับตัวขึ้นทั่วหน้า

รายงานฉบับนี้ ทางข่าวหุ้นธุรกิจขอสำรวจหุ้นในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (เฉพาะหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 10%) มาให้นักลงทุนเชยชม เพื่ออาจนำไปพิจารณาการลงทุนครั้งต่อๆ ไป

โดยหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเกิน 10% ช่วงเดือนกันยายน อาทิ ECF, MPG, CHOW, KCM, DNA, AU, NCL, TNDT, BSM, SPA, FC, COMAN, 2S, JUBILE, GCAP, QTC, SKY, PHOL, CMO, ZIGA, SWC, HYDRO และ PPM ตามลำดับ

สำหรับรายละเอียดของราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น ตัวอย่าง 5 อันดับแรก 1.บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 110.05% หรือขึ้นไป 4.82 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 9.20 บาท ขณะที่วันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 4.38 บาท เชื่อตอบรับเป้ารายได้เฟอร์นิเจอร์พุ่งแตะ 3 พันลบ.ในปี 62 พร้อมเจรจาซื้อ และร่วมทุนโรงไฟฟ้าเพิ่ม

2.บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MPG ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 53.52% หรือขึ้นไป 0.38 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 1.09 บาท ขณะที่วันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 0.71 บาท เป็นการซื้อขายของนักลงทุนรายใหญ่เป็นหลัก

3.บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 38.77% หรือขึ้นไป 1.76 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 6.30 บาท ขณะที่วันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 4.54 บาท เล่นรับความคืบหน้าการลงทุนและพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ Iwaki ที่ลงทุนผ่านบริษัทย่อยทางอ้อม ภายใต้โครงสร้างการลงทุนแบบทีเคในประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 100% โครงการ Iwaki ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 26.68 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% ในไตรมาส 4/60

4.บริษัท เค.ซี.เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) หรือ KCM ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 29% หรือขึ้นไป 0.29 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 1.29 บาท ขณะที่วันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 1 บาท เป็นการปรับตัวขึ้นจากการเข้าเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิคขาขึ้น

5.บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 28.87% หรือขึ้นไป 0.28 บาท วัดจากราคาปิดในวันที่ 29 ก.ย. 60 อยู่ที่ 1.25 บาท ขณะที่วันที่ 31 ส.ค. 60 อยู่ที่ 0.97 บาท ซึ่งเป็นการเข้าเก็งแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 60 มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นมีกำไร เนื่องจากบริษัทดี เอ็น เอ รีเทลลิงก์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารประเภทโทรศัพท์มือถือภายใต้ร้าน “KingKongPhone” สามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี และมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ส่วนรายละเอียดตัวเลขการเปลี่ยนแปลงของหุ้นตัวอย่างที่เหลือดูได้จากตารางประกอบ

สำหรับข้อมูลรายกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวขึ้นเกิน 10% นักลงทุนสามารถนำไปใช้ประกอบการลงทุนว่า หุ้นที่นำเสนอเหล่านี้เหมาะที่จะลงทุนจริงไหม?

Back to top button