มิทซึจิ เอฟเฟ็กต์
*เช้าวานนี้ข้อมูลจากคนของ ก.ล.ต. เกือบทำให้ “โมนิก้า” ตกจากเตียง เพราะสะดุ้งสุดตัวจากประเด็นแรงๆ ว่าพี่ตุ้ย “รพี สุจริตกุล” เซ็นคำสั่งลงดาบ “มิทซึจิ โคโนชิตะ” ผู้บริหารคนดังของ GL ที่เคยประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ผมไม่ใช่ยากูซ่า” ถึงขั้นหมดคุณสมบัติผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไทยแบบกะทันหัน
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*เช้าวานนี้ข้อมูลจากคนของ ก.ล.ต. เกือบทำให้ “โมนิก้า” ตกจากเตียง เพราะสะดุ้งสุดตัวจากประเด็นแรงๆ ว่าพี่ตุ้ย “รพี สุจริตกุล” เซ็นคำสั่งลงดาบ “มิทซึจิ โคโนชิตะ” ผู้บริหารคนดังของ GL ที่เคยประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “ผมไม่ใช่ยากูซ่า” ถึงขั้นหมดคุณสมบัติผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯไทยแบบกะทันหัน
*การประกาศกล่าวโทษตั้งแต่ไก่โห่ ถือว่าทำผิดธรรมเนียมและจารีตของหน่วยงานนี้ เพราะ… อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่ากว่าจะออกโรงก็ต้องร่ายรำแม่ไม้มวยไทยยาวเหยียด จนถึงช่วงตลาดฯปิดบ่ายไปแล้วเท่านั้น ไม่รู้ว่างานนี้ พี่โอ๊บสุดหล่อสาวเหลียว “ปริย เตชะมวลไววิทย์” เกิดกินยาผิดซอง เห็นไวอากร้าเป็นยาแก้ปวดหรือเปล่า ..ฟิตอย่างนี้ ระวังมีอาการเป็นโด่ไม่รู้ล้มค้างนะเคอะ…เป็นห่วงจ้ะ
*3 ข้อหาหลักๆ ชนิดจัดเต็ม “จัดหนัก” ไล่เรียงมาตั้งแต่ การทำธุรกรรมอำพรางผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศหลายแห่ง ด้วยการปล่อยกู้ให้บริษัทย่อยในกลุ่มของตนเองเพื่อสร้างราคาหุ้น และนำเงินไปหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทผู้กู้เพื่อชำระดอกเบี้ยและเงินต้นคืนแก่บริษัทในเครือ ตามด้วยข้อหาการยักยอกเงิน และการตกแต่งบัญชีให้งบฯออกมาสูงเกินจริง นำไปสู่การสร้างราคาหุ้น…สรุปสั้นๆ ตามประสา “โมนิก้า” คือ แต่งบัญชี-ยักยอก และฟอกเงิน…อย่างหลังสุดนี้ เห็นว่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ง.พิจารณาให้ “กฎหมายปิดปาก” ต่อไป
*มุกประเด็นที่ว่ามา ล้วนเป็นเรื่องร้ายแรง ทำให้อดีตท่านประธานมิทซึจิ ต้องเด้งหลุดออกจากตำแหน่งแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว ขาดคุณสมบัติ และหมดความน่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิงในฐานะของผู้บริหาร และอาจต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีไปจนถึงสิบปี แม้ว่า ก.ล.ต.จะยังแทงกั๊กตามฟอร์มเดิมว่า…ยังเป็นเพียงแค่กระบวนการเริ่มต้นเท่านั้น….อิอิ
* ช็อตต่อเนื่องเป็นเรื่องของ ตลท. ออกมาสั่งห้ามซื้อขายหุ้น GL ทันที นักลงทุนที่ตื่นจากภวังค์ขึ้นมารับรู้ข่าวร้ายเตรียมขายหุ้นกันจ้าละหวั่น ต้องผิดหวังซ้ำซ้อน เพราะป้าย “H” ซื้อก็ไม่ได้ ขายก็ไม่ออก ….ช้อนที่เตรียมไว้ก็ไม่ได้ใช้ ส่วนพวกชอบทุบก็ทุบไม่ลง เข้าตำราที่ว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั่นล่ะค่ะ…หงายเงิบไปถ้วนหน้า
*อีกคนที่ผิดหวังสุดๆ คือตัว “โมนิก้า” เอง เพราะหลังจากใช้เวลาทั้งวันตามติดขอบเวทีอย่างกระชั้นชิด โดยเฉพาะเว็บเพจของแฟนคลับ GL ซึ่งมักจะออกมาแก้ต่างให้จนน้ำลายแตกฟอง และพากันรุมด่า “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ด้วยความโกรธแค้นที่ “ขวางทางเจ๊ง” ของแมงเม่าทั้งหลาย เหมือนที่ผ่านๆ มา ต้องท่าทีที่เปี๊ยนไป๋ ของขาประจำเพจดังกล่าวที่พากันเงียบ….เหมือนท้องอืดท้องเฟ้อเพราะ…จะมีอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะ ลืมกินอีโน น่ะสิเจ้าคะ
*นี่ก็ตลกผิดเวลา แต่ถือว่ารักษาอารมณ์ขันได้ดี ใครก็ไม่รู้ใช้นามว่า Anonymous Equity ที่ออกมาหั่นราคาเหลือแค่ 2.77 บาท…แม้จะผิดหลักการเพราะช่องเหนือ 2.00 บาท เขาไม่มีเลขท้ายคี่… รับลดลง 88% กันเลยทีเดียว ซึ่งถ้ากรณีนี้เกิดเป็นจริงขึ้น…ขอบอกเลยนะคะว่าเดี๊ยนไม่รับปรึกษา เพราะเดี๊ยนโดนด่ามาเยอะเจ็บมาเยอะเจ้าค่ะ!
*นี่ก็ไม่รู้เวล่ำเวลา…อารามอยากเอาใจอดีตประธานมากเกินขนาด หรือ เพราะนิสัยพื้นฐานแก้ไม่หายก็ไม่ทราบได้ พนักงาน (ขอเว้นเอ่ยชื่อให้ระคายหู) ของ บริษัท เอ็มที มัลตีมีเดีย จำกัด ดันทะลึ่งส่งเอกสารในฐานะ “ตัวแทน” ของ GL ออกมาแก้ต่างให้กับสองพี่น้องโคโนชิตะโดยไม่ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ แถมยังกล้าหาญชาญชัย (ที่ไม่ใช่ สงวนวงศ์) ถึงขั้นตอบโต้ ก.ล.ต.ทันควันว่า อาจะมีข้อมูลคลาดเคลื่อน ชนิดไม่กลัวหน้าแหก…คงจะต้องการทำหน้าที่ “โก่ว ถุ่ย จื่อ” ชั้นยอดมากไป จนลืมว่า นิสัยของผู้บริหาร ก.ล.ต.นั้น ไม่ชอบให้ใครเถียง…ยิ่งเถียงยิ่งจำไปยาวนาน ชนิดจดจารบนหนังสุนัขกันเลยทีเดียว… ใครอยากรู้ความหมายของคำนี้ถาม “โมนิก้า” หลังไมค์ได้นะเคอะ…
*จากประเด็นร้อนๆ ที่สาธยายเป็นหน้ากระดาษไปแล้ว วานนี้ได้เห็นแรงเทขายหุ้น JAS ออกมาหนักหน่วง ล่าสุดมาปิดที่ 7.80 บาท ปรับลง 0.50 บาท หรือ 6.02% ด้วยมูลค่า 1.15 พันล้านบาท ประเด็นมันอยู่ที่ข่าวลือว่า JASIF ไม่ยอมซื้อทรัพย์สิน JAS เพราะตกลงเรื่องราคาไม่ได้น่ะซิ! มองแล้วราคาหุ้นคงจะอยู่ในช่วงขาลงไปอีกนานจนกว่า “เสี่ยพิชญ์” จะรีบออกมาชี้แจงแถลงไข เห็นหุ้นร่วงแบบนี้แล้ว ก็อย่าปล่อยให้บรรดาแฟนคลับต้องตามตัวให้ควักเลยจ้า
*มาต่อกันที่ประเด็นดีๆ กันของหุ้นโรงไฟฟ้าในเครือปตท.อย่าง GPSC หลังเห็นราคาหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ 56.25 บาท บวกไป 4.75 หรือขึ้นไป 9.22% ด้วยมูลค่า 742.22 ล้านบาท ทางเทคนิคเริ่มเห็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ หลังย่ำฐานมาสักระยะ “โมนิก้า” มองว่าสัญญาณแบบนี้ราคาหุ้นน่าจะไปได้ต่อได้ไกลพ่วงด้วยประเด็นค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้งยังเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง ใครไม่อยากพลาดต้องคอยก็ติดสถานการณ์เอาไว้นะเจ้าคะ
*ตบท้ายกันด้วยประเด็นของ AJA ซึ่งดูเหมือนจะค้นพบทางรอดใหม่ด้วยธุรกิจนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ใครมองว่าจะไปไม่รอด “โมนิก้า” อยากจะไกด์ให้ดูชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทร่วมทุนที่ตั้งขึ้นมาเพื่อธุรกิจใหม่โดยเฉพาะ การันตีด้วยตระกูล “ลีนุตพงษ์” ผู้นำธุรกิจยานยนต์รายใหญ่ พร้อมผู้จัดมอเตอร์โชว์ฝีมือเทพอย่างกลุ่ม “กรังด์ปรีซ์” วางแผนเพียบพร้อมขนาดนี้ถึงได้เห็นราคาหุ้นกระชากขึ้นไปปิดที่ 0.65 บาท ขึ้นไป 0.04 บาท หรือ 6.56% ด้วยมูลค่า 41.20 ล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าค่ะ