VNGกำไรไตรมาส1/58แข็งแกร่งแนะซื้อมองผลงานระยะยาวเพิ่มและมีเสถียรภาพ
VNG กำไรไตรมาส1/58โตก้าวกระโดด โบรกฯชี้ต้นทุนการผลิตที่ลดลงช่วยหนุนอัตรากำไรปีนี้ให้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน การปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการในระยะยาวเพิ่มและมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดกำไรสุทธิปี 58-59 เติบโต 18% และ 20% แนะซื้อราคาพื้นฐาน 9.36 บาท
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (13 พ.ค.58) ว่าบริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ VNG รายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส1/58 เท่ากับ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 296%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและเติบโต 40%เทียบไตรมาสก่อนหน้าโดยหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 27.3% ใน ไตรมาส1/58 จาก 19.1% ใน ไตรมาส1/57 และ 25.1% ใน ไตรมาส4/57 ซึ่งเป็นผลจากราคาวัตถุดิบ (รวมค่าขนส่ง) และราคาไฟฟ้าลดลง และราคาขายเฉี่ยของแผ่นปาร์ติเกิ้ลเพิ่มขึ้น 4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนด้านยอดขายเพิ่มขึ้น 10%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง 12%เทียบไตรมาสก่อนหน้าบริษัทมีกำไรจาก FX 21.8 ล้านบาทเข้ามาช่วยหนุนในไตรมาสนี้ด้วย กำไรสุทธิ ไตรมาส1/58 คิดเป็น 30% ของประมาณการทั้งปี 58 ของเรา
ฐานะการเงินและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานดีขึ้น ณ สิ้นมี.ค.58 บริษัทมีหนี้สินสุทธิ 3.4 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.48 เท่า และมี BVS เทท่ากับ 5.36 บาท/หุ้น กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก 287 ล้านบาท (จากที่ติดลบ 247 ล้านบาทใน ไตรมาส1/57)
ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ยังไปได้ดีแม้ว่าจะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่ม โดยบริษัทมีแผนเพิ่มสินค้าปลายน้ำเพื่อขยายตลาด โดย 1) บริษัทจะขยายโรงงานปิดผิวอีกเท่าตัวจาก 1.5 แสนลบม./ปี เป็น 3.0 แสนลบม./ปี โดยจะเข้ามาใน ไตรมาส1/58 เท่ากับ 1.0 แสนลบม./ปี และเข้ามาใน ไตรมาส2/58 เท่ากับ 0.5 แสนลบม./ปี, 2) ขยายกำลังการผลิตกระดาษใน ไตรมาส2/58 อีก 20 ล้านตรม./ปี เป็น 70 ล้านตรม./ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายโรงปิดผิว, 3) ขยายกำลังการผลิตแผ่นพื้นลาร์มิเนต (LF) อีก 4 ล้านตรม./ปีเป็น 10 ล้านตรม./ปี โดยเริ่มตั้งแต่ ไตรมาส2/58 เป็นต้นไป เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจปลายน้ำ (รวม FL) จะเพิ่มเป็น 21% ในปี 58 จาก 17% ในปี 57 และจะขยายเป็น 25% ในปี 59 ซึ่งธุรกิจปลายน้ำจะช่วยให้บริษัทครอบคลุมตลาดได้มากขึ้น
สัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงจะมากขึ้นในปี 59 บริษัทมีแผนที่จะเปลี่ยนไลน์การผลิต Particle Board ไปเป็น MDF Board จำนวน 3 แสนลบม./ปี โดยในช่วง ไตรมาส4/58 จะต้องปิดไลน์การผลิต Particle Board ไปประมาณ 3 เดือน แต่จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิบริษัทไม่มาก (แม้ว่ายอดขายใน ไตรมาส4/58 จะต่ำลง) เพราะ 1) จะผลิตสต็อกไว้ก่อนปรับไลน์การผลิต และ 2) เป็นไลน์การผลิต Particle Board ชนิดที่ให้กำไรไม่มากอยู่แล้ว ส่วนการผลิต MDF Board จะเริ่มตั้งแต่ 1Q59 ซึ่งสินค้า MDF Board ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า Particle Board ประมาณ 10%
ข้อดีของการเปลี่ยนไลน์การผลิตเมื่อเทียบกับสร้างโรงงานใหม่ คือ การใช้เงินลงทุนเพียง 800 ล้านบาท เทียบกับสร้างโรงงาน MDF Board ใหม่ กำลังการผลิต 3 แสนลบม./ปี ต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 3 พันล้านบาท และที่สำคัญคือใช้เวลาสั้นมาก ทำให้ได้รับประโยชน์จากตลาด MDF Board ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น 1-2 ปีข้างหน้านี้ได้อย่างเต็มที่
แนะนำซื้อ VNG โดยให้ราคาพื้นฐาน 9.36 บาท อิงกับ P/E ปี 58ที่ 16.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี) ทั้งนี้เห็นว่าต้นทุนการผลิตที่ลดลงช่วยหนุนอัตรากำไรปีนี้ให้ดีขึ้น และการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการในระยะยาวเพิ่มและมีเสถียรภาพมากขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิปี 58-59 เติบโต 18% และ 20% ตามลำดับ คาดการณ์ Dividend Yield ปี 58-59 เท่ากับ 3.8% และ 4.5% ตามลำดับ