HMPRO บวก 3.36% ขานรับยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัว ลุ้นกำไรปี 60 โตสนั่น
HMPRO บวก 3.36% ขานรับยอดขายสาขาเดิมฟื้นตัว ลุ้นกำไรปี 60 โตสนั่น โดย ณ เวลา 11.20 น. ราคาอยู่ที่ 12.30 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.36% สูงสุดที่ 12.60 บาท ต่ำสุดที่ 11.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 218.59 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)หรือ HMPRO ณ เวลา 11.20 น. ราคาอยู่ที่ 12.30 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.36% สูงสุดที่ 12.60 บาท ต่ำสุดที่ 11.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 218.59 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.23%
นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) วิเคราะห์ HMPRO โดยคาดว่าจะมีกำไรในไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 1.19 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 5% เทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดขายของสาขาเดิม (SSSG) เริ่มฟื้นจากติดลบ 6% ในช่วงไตรมาส 2/60 กลับมาบวกประมาณ 1%
จากก่อนหน้านี้คาดว่าในช่วงไตรมาส 3/60 จะเป็นช่วงหน้าฝนตามฤดูกาล และการจับจ่ายใช้สอยทรงตัว รวมถึงเข้าใกล้ช่วงพระราชพิธีไว้อาลัย แต่จาก SSSG ที่ปรับตัวขึ้น ทำให้มองว่า HMPRO ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว และจะทยอยฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง อนึ่ง การกำหนดการเลือกตั้งสร้างความมั่นใจในการบริโภคมากขึ้น
โดยในช่วงไตรมาส 3/60 โฮมโปรได้มีการขยายสาขาเพิ่ม 2 แห่ง ในมาเลเซียที่ Ipoh และ Penang และ megahome ที่เชียงราย รวมถึงปรับเปลี่ยนรูปแบบสาขาในไทยจาก HomePro Living ซึ่งเน้นเรื่อง Design และผลิตภัณฑ์ในการตกแต่งตัวบ้าน เป็น HomePro S เน้นสินค้าซื้อและขนส่งได้ง่าย
ทั้งนี้ HomePro S เป็นรูปแบบสาขาที่ไม่ใช้พื้นที่มาก แต่จะมีสินค้าหลากหลาย และเสริมด้วยการขายแบบ online รวมถึงการเพิ่มส่วนผสมการขายจากสินค้า housebrand คาดว่าจะทำให้ HMPRO สามารถระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28% ในช่วงไตรมาส 3/60 ได้ บริษัทมีแผนการขยายสาขาในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ในกรุงเทพอีก 1 สาขา และในมาเลเซียอีก 1 สาขา โดยสาขาในมาเลเซียมี SSSG อยู่ในระดับค่อนข้างดี 2-3%
อย่างไรก็ตาม จากการบริหารรูปแบบสาขาและส่วนผสม housebrand ที่คาดว่าจะมากขึ้น ทำให้กำไรยังคงเติบโตในปี 60 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวในครึ่งปีหลังของยอดขายของสาขาเดิมจากการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น คาดว่า HMPRO จะมีกำไรเติบโตขึ้น 12% ในปี 60 และ 14% ในปี 61 ตามลำดับ หลังจากผ่านพ้นช่วงการบริโภคที่อ่อนตัว
ทั้งนี้ รวมถึง SSSG ปี 61 ที่จะกลับมาโตประมาณ 2.5-3% และคาดจะเปิดสาขาได้อีกประมาณ 7-8 สาขา จากเดิมที่คาดไว้เพียง 6 สาขา