ก.ล.ต. หนุนร่าง “พ.ร.บ.ฟินเทค” หวังดันประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิตอล
ก.ล.ต. หนุนร่าง “พ.ร.บ.ฟินเทค” หวังดันประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิตอล ตอบโจทย์ ปชช.ที่เข้าถึงบริการอย่างกว้างขวางด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ปัจจุบันการทำธุรกรรมด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์และการนำฟินเทคมาพัฒนาต่อยอดในไทยยังมีอุปสรรคสำคัญ เนื่องจากกฎหมายที่ยังไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีและยังไม่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงข้อมูลจำเป็นเท่าที่ควร
โดยร่าง พ.ร.บ. ฟินเทค จะช่วยลดข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายปัจจุบันและฟินเทคสตาร์ทอัพสามารถนำนวัตกรรมมาให้บริการได้อย่างเป็นรูปธรรม และส่งเสริมให้ประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ฟินเทค จะเน้นใน 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.การเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ว่ามีผลเทียบเท่ากับการทำธุรกรรมในแบบปกติโดยไม่ต้องกังวลว่ากฎหมายจะไม่รองรับ อาทิ การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจภายใต้กำกับของ ก.ล.ต. การจองซื้อ ออก และส่งมอบหลักทรัพย์ และการประชุมผู้ถือหุ้น เป็นต้น
2.การอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจที่มีหน้าที่ในการรู้จักตัวตนและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลจำเป็นในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ 3.การรองรับการแสดงตนแบบ non-face-to-face ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
และ 4. การอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าถึงข้อมูลที่ได้มีการปกปิดตัวตนแล้ว (anonymized data) ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน รวมถึงรองรับการเปิดเผย anonymized data โดยสมัครใจของภาครัฐและภาคเอกชนด้วย
โดยในท้ายที่สุดประโยชน์ของร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวจะตกกับประชาชนที่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ยิ่งขึ้นได้อย่างกว้างขวางด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ฟินเทคได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงก่อนเสนอตามกระบวนการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
“นอกจากร่าง พ.ร.บ. ข้างต้น ก.ล.ต. กำลังดำเนินการเพื่อขจัดอุปสรรคและส่งเสริมการนำฟินเทคมาให้บริการเพิ่มเติมด้วยการเปิดพื้นที่และการลดภาระจากกติกาต่าง ๆ ซึ่งไม่จำเป็นต่อการคุ้มครองประชาชนผู้ใช้บริการควบคู่กันไปด้วย” นางทิพยสุดา กล่าว